วันที่ 1 เมษายนของทุกปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ April Fools’ Day นับเป็นวันที่ทั่วโลกยอมรับกันในฐานะ “วันโกหกโลก” หรือ “วันเมษาหน้าโง่” ตามประเพณีนี้ สื่อต่างๆ ทั่วโลกจะสร้างสรรค์ข่าวหรือเรื่องราวที่ไม่จริง เพื่อหวังว่าจะหลอกลวงผู้คนให้เชื่อและสร้างความบันเทิง
ในวันนี้ เป็นวันที่ความสนุกสนานและการเล่นแกล้งกันเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข่าวที่แปลกประหลาดหรือการแกล้งกันอย่างมีสไตล์เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของวันนี้ โดยหลังจากที่ข่าวหรือเรื่องราวเหล่านั้นถูกเปิดเผยแล้ว จะมีการเฉลยว่าเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น
ประวัติ วันโกหกโลก
ต้นกำเนิดของ April Fools’ Day ถูกกล่าวขานกันว่ามีมาตั้งแต่ยุคโรมัน โดยมีการจัดเทศกาลฮิลาเรียในวันที่ 25 มีนาคม และเทศกาลคนโง่ในยุโรปสมัยยุคกลางเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม หลายประเทศในยุโรปเช่นกรีซและฝรั่งเศสก็มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเล่นแกล้งหรือการโกหกกันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 19 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมของการโกหกและเล่นแกล้งกันเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีทางสังคมมาอย่างยาวนาน
หนึ่งในบันทึกโบราณที่เชื่อมโยงกับ April Fools’ Day คือในตำนานแคนเทอร์บรีของชอเซอร์ในค.ศ. 1392 ที่มีการเขียนถึงการคัดลอกผิดพลาดเกี่ยวกับวันที่ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าวันที่ 1 เมษายนเป็นวันแห่งการโกหก อีกตำนานหนึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จาก 1 เมษายนไปเป็น 1 มกราคม ในช่วงศตวรรษที่ 16 ทำให้ผู้ที่ยังฉลองในวันเดิมถูกเรียกว่า “พวกเมษาหน้าโง่” และถูกแกล้งด้วยเรื่องโกหกต่างๆ
ตัวอย่าง April Fools’ Day
เรื่องราวโกหกที่โด่งดังในอดีต เช่น ข่าวเกี่ยวกับเส้นพาสตาที่งอกจากต้นไม้ หรือนาฬิกาบิ๊กเบนที่จะเปลี่ยนเป็นแสดงผลดิจิทัล ถูกสื่อใหญ่นำเสนอและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้คน เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันวัฒนธรรมของการเล่นแกล้งในวันเมษาหน้าโง่ แต่ยังช่วยสร้างความครื้นเครงและประสานสัมพันธ์ทางสังคมผ่านการแบ่งปันความสนุกสนานและการหลอกลวงกันอย่างเป็นมิตร ในยุคสมัยนี้ การเฉลิมฉลองวันเมษาหน้าโง่ยังคงเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งในแวดวงสื่อและในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป นำเสนอโอกาสในการหัวเราะเยาะและเล่นแกล้งกันอย่างมีสไตล์ เพื่อความสนุกสนานและการสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน