การระบาดของโนโรไวรัสในโรงเรียนจังหวัดระยอง พบผู้ป่วยกว่า 1,400 ราย

สถานการณ์การระบาดของ โนโรไวรัส (Norovirus) ใน 2 โรงเรียนในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งมีผู้ป่วยรวม 1,436 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียน 1,418 ราย และครู-บุคลากร 18 ราย

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึง สถานการณ์การระบาดของ โนโรไวรัส (Norovirus) ใน 2 โรงเรียนในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งมีผู้ป่วยรวม 1,436 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียน 1,418 ราย และครู-บุคลากร 18 ราย สาเหตุหลักมาจากการบริโภคน้ำและน้ำแข็งที่ปนเปื้อนเชื้อในช่วงจัดกิจกรรมกีฬาสี


สาเหตุและการแพร่กระจายของโนโรไวรัส

โนโรไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิด โรคอุจจาระร่วง ติดต่อได้ง่ายจากคนสู่คน โดยสามารถแพร่กระจายผ่าน

  • การสัมผัสผู้ติดเชื้อหรือสิ่งของที่ปนเปื้อน
  • การบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน
  • การสูดอากาศที่มีเชื้อไวรัส
    สถานที่เสี่ยง เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่เลี้ยงเด็ก และสถานที่ชุมนุมคนจำนวนมาก มักพบการระบาดในช่วงฤดูหนาว โดยเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจะมีความเสี่ยงสูง

อาการและความรุนแรงของโรค

ผู้ป่วยโนโรไวรัสจะแสดงอาการภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังติดเชื้อ โดยอาการทั่วไป ได้แก่:

  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
  • ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดศีรษะ มีไข้ต่ำๆ
  • ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย

ในรายที่รุนแรง อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง โดยเฉพาะในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หากไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต


การป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

  1. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และใช้ช้อนกลาง
  2. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด ก่อนและหลังทำกิจกรรม
  3. ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
  4. หลีกเลี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาด
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแหล่งน้ำที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

คำแนะนำสำหรับประชาชน

  • ผู้ปกครองควรสังเกตอาการบุตรหลาน หากมีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายเหลวหรืออ่อนเพลีย ควรรีบพาไปพบแพทย์
  • ชุมชนควรร่วมมือกันรักษาความสะอาดแหล่งน้ำและอาหาร รวมถึงดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
  • เจ้าหน้าที่สาธารณสุขควรลงพื้นที่ตรวจสอบและควบคุมการระบาด พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันเชื้อแก่ประชาชน

การตระหนักถึงความสะอาดและสุขอนามัยเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการระบาดของโนโรไวรัส และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในชุมชน.