เตือน 10 จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพ ระวังน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า ในช่วงวันที่ 24 – 30 สิงหาคม 2567 ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคใต้ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

คาดการณ์ระดับน้ำเพิ่มสูง

ในวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ คาดว่าปริมาณน้ำจะไหลผ่านประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเมื่อรวมกับน้ำจากลำน้ำสาขาประมาณ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วม กรมชลประทานจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 700 – 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และบริเวณแม่น้ำน้อย มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก 0.40 – 0.80 เมตร ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

การเตรียมพร้อมใน 10 จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพฯ

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานงานกับ 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ

การประชาสัมพันธ์และการเตรียมพร้อม

ปภ. ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร และประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง นอกจากนี้ ปภ. ยังได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

คำแนะนำสำหรับประชาชน

ประชาชนควรติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา

สทนช. ประกาศเฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่า 35 จังหวัด

ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเตือน ควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 เรื่องการเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 24-30 สิงหาคม 2567

การคาดการณ์สภาพอากาศและการเตรียมความพร้อม

สทนช. ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ซึ่งพบว่าร่องมรสุมพาดผ่านหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บางพื้นที่อาจเกิดฝนตกหนัก สทนช. จึงได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในภาคต่างๆ

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม
ภาคตะวันตก: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสตูล

การเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฝนตกสะสม
  2. ตรวจสอบและซ่อมแซมแนวคันน้ำ: ให้มีการตรวจสอบแนวคันบริเวณริมแม่น้ำและพนังกั้นน้ำ พร้อมเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรและเครื่องมือ
  3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก: วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม พร้อมทั้งปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำ
  4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ: แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

ข้อแนะนำสำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเตือน ควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและสามารถอพยพได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

พยากรณ์อากาศวันนี้ ฝนถล่ม 36 จังหวัด ภาคเหนืออ่วม

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศพยากรณ์อากาศสำหรับ 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยระบุว่าภาคเหนือตอนบนจะมีฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่

วันนี้ 22 ส.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศพยากรณ์อากาศสำหรับ 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยระบุว่าภาคเหนือตอนบนจะมีฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่ โดยเฉพาะฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่

ความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุฯ เตือนประชาชนในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่ตั้งอยู่บริเวณลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ

สาเหตุของฝนตกหนัก

ฝนตกหนักในวันนี้เกิดจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน นอกจากนี้ยังมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

คำแนะนำสำหรับชาวเรือ

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร แต่บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นอาจสูงมากกว่า 1 เมตร กรมอุตุฯ ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเพื่อความปลอดภัย

แพร่ เตือน น้ำท่วม อาจเท่าปี 2554 ยกระดับการเฝ้าระวัง

สถานการณ์น้ำท่วม ในจังหวัดแพร่มีแนวโน้มวิกฤต หลังจากเกิดฝนตกหนัก ต่อเนื่องหลายวัน ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดแพร่ ได้ออกประกาศเตือนประชาชน

สถานการณ์น้ำท่วม ในจังหวัดแพร่มีแนวโน้มวิกฤต หลังจากเกิดฝนตกหนัก ต่อเนื่องหลายวัน ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดแพร่ ได้ออกประกาศเตือนประชาชน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 โดยระบุว่า ปริมาณน้ำที่ไหลมาจากอำเภอปงและอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา มีมากถึง 1,390 ลบ.ม. ต่อวินาที ผ่านสถานีห้วยสัก ตำบลสะเอียบ ทำให้มีโอกาสเกิดน้ำท่วมในระดับเดียวกับปี 2554

แม่น้ำยมเพิ่มระดับต่อเนื่อง บางสถานีเริ่มล้นตลิ่ง

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำยม ณ เวลา 20.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2567 พบว่า

  • สถานี Y.20 บ้านห้วยสัก อ.สอง จ.แพร่ ระดับน้ำ 12.04 เมตร จากระดับตลิ่ง 8.10 เมตร ปริมาณน้ำ 1,551.20 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำล้นตลิ่งและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • สถานี Y.1C บ้านน้ำโค้ง อ.เมือง จ.แพร่ ระดับน้ำ 7.13 เมตร จากระดับตลิ่ง 8.20 เมตร ปริมาณน้ำ 801.60 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  • สถานี Y.37 บ้านวังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ ระดับน้ำ 7.87 เมตร จากระดับตลิ่ง 11.00 เมตร ปริมาณน้ำ 644.00 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

มาตรการเตรียมความพร้อมและคำแนะนำจากผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม โดยแนะนำให้เก็บของมีค่า ย้ายรถไปยังที่สูง และให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในการเก็บของล่วงหน้าก่อนที่น้ำจะท่วม

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ยังได้เน้นย้ำให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยใช้ฝายแม่ยมในการหน่วงน้ำให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ เพื่อป้องกันน้ำท่วมรุนแรงเหมือนปี 2554

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดแพร่ ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำยมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่ดำเนินการเตรียมการล่วงหน้าอาจเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 2554 ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม น้ำท่วมเชียงราย วิกฤตหนัก รถตู้นักเรียนติดกลางน้ำ

น้ำท่วมเชียงราย วิกฤตหนัก รถตู้นักเรียนติดกลางน้ำ

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย ยังคงวิกฤตจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาชายแดนไทย-ลาว

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย ยังคงวิกฤตจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาชายแดนไทย-ลาว ไหลทะลักลงสู่หลายพื้นที่ในอำเภอเทิงและอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย น้ำป่าที่ไหลบ่าเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชน ทำให้เกิดปัญหาการสัญจรและความเสียหายอย่างมาก

คลิปน้ำท่วมเชียงรายสุดระทึก! รถตู้นักเรียนติดกลางน้ำ

เฟซบุ๊ก “ธนกฤต มาตย์ภูธร” ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ระทึกขวัญ เมื่อรถตู้นักเรียนพยายามฝ่าน้ำท่วมเพื่อพานักเรียนกลับบ้าน แต่ต้องติดอยู่กลางน้ำเนื่องจากน้ำท่วมลึกมาก นักเรียนและครูที่อยู่บนรถต่างตกใจอย่างมาก มีนักเรียนบางคนร้องไห้ด้วยความกลัว โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยอุ้มนักเรียนไปอยู่บนสันดอนใกล้ ๆ เพื่อรอเรือจากตำรวจน้ำมารับ ก่อนที่จะประสานผู้ปกครองให้มารับนักเรียนกลับบ้าน

สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเทิงและเวียงแก่น เชียงราย

น้ำป่าที่ไหลท่วมในอำเภอเทิงและเวียงแก่น ส่งผลให้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก น้ำที่ท่วมขยายเป็นวงกว้างทำให้ถนนหลายสายไม่สามารถใช้สัญจรได้ นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนจำนวนมากติดค้างอยู่ในโรงเรียนเวียงแก่นวิทยาคม เนื่องจากน้ำท่วมฉับพลันทำให้ไม่สามารถออกมาได้ ขณะนี้คณะครูได้จัดหาอาหารให้กับนักเรียนและดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประชาชนและนักเรียน

ในขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมยังคงรุนแรง ทางหน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในบ้าน และอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย มีการติดตั้งศูนย์พักพิงและเตรียมความพร้อมในการจัดการสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

สถานการณ์ในอำเภอเทิง เชียงราย ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และฝนยังคงตกไม่หยุด ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในวันข้างหน้า

อ่านเพิ่มเติม น้ำท่วมเชียงราย

อุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปมข่าวร้อนยุบพรรค

นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้บรรยายในหัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน” ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้บรรยายในหัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน” ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยในระหว่างการบรรยายนายอุดมได้กล่าวถึง คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า การยุบพรรคทำให้พรรคประชาชนได้รับเงินบริจาคจำนวนมากถึง 20-30 ล้านบาท ในช่วงสองวันแรกหลังจากพรรคถูกยุบพรรค 

นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม โดนกระแสในโลกออนไลน์ว่าเป็นการพูดที่ไม่เหมาะสม ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ประวัติ อุดม สิทธิวิรัชธรรม

ไทม์ไลน์ผู้ป่วย ฝีดาษลิง สายพันธุ์ Clade 1 รายแรกในไทย

การพบผู้ป่วย โรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1 รายแรกในประเทศไทย ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาวยุโรปที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการพบผู้ป่วย โรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1 รายแรกในประเทศไทย ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาวยุโรปที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา โดยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และมีตุ่มขึ้นตามร่างกาย จึงได้ไปโรงพยาบาล

การตรวจวินิจฉัย ฝีดาษลิง

เมื่อแพทย์ทำการซักถามประวัติและตรวจเชื้อโรคฝีดาษลิง ผลการตรวจพบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นสายพันธุ์ Clade 1b หรือไม่ ขณะนี้ทางกรมควบคุมโรคได้ทำการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ จำนวน 43 คน และจะติดตามอาการของพวกเขาเป็นเวลา 21 วัน รวมถึงผู้ที่เดินทางร่วมกับผู้ป่วยบนเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567

สถานะของผู้ป่วยและการติดตามผล

ผู้ป่วยรายนี้มีอาการไม่รุนแรงและยังคงรักษาตัวอยู่ในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคคาดว่าจะสามารถยืนยันสายพันธุ์ของเชื้อได้อย่างชัดเจนภายในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 หากผลการตรวจยืนยันว่าเป็นฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1b ก็จะถือเป็นผู้ป่วยรายแรกของสายพันธุ์นี้ในประเทศไทย

อ่านเพิ่มเติม รู้จัก ฝีดาษลิง Clade 1B

บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.

จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยคำสั่งดังกล่าวได้ถูกยืนยันว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนด

สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ก.พ.ค.ตร. ได้มีมติว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง โดยระบุว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 140 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567

พาทัวร์บ้านพุ่มพวง ดวงจันทร์ คอหวยตาลุกวาว เลขเด็ดมาเต็ม!

ราชินีลูกทุ่งในตำนาน “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่ล่าสุดเพชรได้พาแฟนๆ ไปเยี่ยมชมบ้านคุณแม่ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ผ่านช่องทางติ๊กต๊อก

เปิดบ้าน “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ครั้งแรก 

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่สร้างความประทับใจและคอนเทนต์ดีๆ ให้แฟนคลับได้ติดตามกันอยู่เสมอ สำหรับ “เพชร พุ่มพวง” ทายาทคนเก่งของราชินีลูกทุ่งในตำนาน “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่ล่าสุดเพชรได้พาแฟนๆ ไปเยี่ยมชมบ้านคุณแม่ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ผ่านช่องทางติ๊กต๊อก

บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ที่ “พ่อไกรสร” พักอาศัยและดูแลอย่างดี แม้ว่าข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ จะยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ต้นไม้ หรือโต๊ะทานข้าว หลายมุมภายในบ้านเต็มไปด้วยความทรงจำ รวมถึงภาพถ่ายของ “แม่ผึ้ง พุ่มพวง” ที่ถูกติดตามมุมต่างๆ ของบ้าน เรียกได้ว่าเอ็กซ์คูลซีฟสุดๆ สำหรับแฟนเพลงที่รักและคิดถึงแม่ผึ้ง

เลขเด็ดจากบ้าน แม่ผึ้ง 199 / 529 แฟนหวยไม่พลาด!

และที่ไม่ทำให้เหล่าคอหวยผิดหวัง คือการถ่ายซูมเลขที่บ้านอย่างชัดเจน เป็นเลข 199 / 529 ทำเอาหลายคนหยิบปากกาจดเลขเด็ดไปเสี่ยงโชคในงวดวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ที่จะถึงนี้

ทำบุญวันเกิด พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่วัดสันทรายมูล ความทรงจำที่ไม่มีวันลืม

ในขณะเดียวกัน เพชรยังได้พวงมาลัยไปไหว้หุ่นขี้ผึ้งของแม่ผึ้งที่วัดภาษี เอกมัย ในวันแม่ปีนี้ พร้อมโพสต์ภาพและแคปชั่นสุดซึ้งที่บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาคอมเมนต์ชื่นใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพชรและพ่อไกรสร ยังได้ไปทำบุญครบรอบวันเกิดของแม่ผึ้งที่วัดสันทรายมูล จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมโพสต์ภาพที่บอกว่าหากแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะมีอายุครบ 63 ปีในปีนี้ การทำบุญครั้งนี้เป็นการสานต่อความรักและความทรงจำที่เพชรมีต่อแม่ผึ้งอยู่เสมอ

คอหวยแห่ตีเลขเด็ด งานทำบุญวันเกิด พุ่มพวง ดวงจันทร์

ไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศวันเกิดของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นและศรัทธา น้องสาวของแม่ผึ้ง นำโดย “โอ่ง สลักจิต” และ “ไก่ จันทร์จวง” ได้ร่วมกันจัดงานทำบุญที่วัดทับกระดาน จังหวัดสุพรรณบุรี มีแฟนเพลงและนักเสี่ยงโชคมาร่วมงานกันคับคั่ง

ภายในงานมีเค้กทั้งหมด 13 ก้อนวางอยู่ครบทุกหุ่นของแม่ผึ้ง แต่เค้กก้อนหลักที่เป็นไฮไลต์ในปีนี้คือเค้ก 2 ชั้นที่ปั้นเป็นรูปแม่ผึ้งสวมชุดลายเสือดาว ท่ามกลางดอกกุหลาบสีแดงและผึ้งตัวน้อย พร้อมเทียนเลข 63 ที่ปักอย่างสวยงาม

ตำรวจหญิง และลูกสาว เสียชีวิตในบ้าน คาดเกิดจากโซดาไฟ

ศูนย์พิษวิทยาศิริราช ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของโซดาไฟ หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงและสามารถปล่อยก๊าซพิษต่างๆ

เหตุการณ์เศร้าสลด

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เกิดเหตุสลดที่บ้านพักในตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เมื่อพบผู้เสียชีวิต 3 รายภายในบ้าน โดยทั้งหมดเป็นผู้หญิง ซึ่งรวมถึง ร.ต.อ.(หญิง) อนัญญา อายุ 60 ปี รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี และลูกสาวทั้งสองคน คือ น.ส.จิตรพิสุทธิ์ อายุ 34 ปี และ น.ส.ปัณณิกา อายุ 25 ปี ภายในบ้านยังพบขวด สารเคมีน้ำยาล้างท่ออุดตัน หรือ โซดาไฟ ตกอยู่

การตรวจสอบและสาเหตุที่เป็นไปได้

พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รอง ผบช.ภ. 2 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบสารเคมีโซดาไฟซึ่งเป็นสารที่อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตทั้งสามราย โดยขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบเพิ่มเติมและยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง

อันตรายจากการใช้โซดาไฟ

ศูนย์พิษวิทยาศิริราช ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของโซดาไฟ หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงและสามารถปล่อยก๊าซพิษต่างๆ ได้เมื่อเกิดปฏิกิริยากับสารเคมีอื่น การใช้โซดาไฟในพื้นที่ที่ไม่มีการระบายอากาศที่ดีอาจทำให้เกิดการสะสมของก๊าซพิษและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้

ข้อควรระวังในการใช้โซดาไฟ

ศูนย์พิษวิทยาศิริราชแนะนำวิธีการใช้โซดาไฟอย่างปลอดภัย:

  1. ระบายอากาศ: ควรแน่ใจว่ามีการไหลเวียนของอากาศที่ดีโดยเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมระบายอากาศ
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสและการสูดดม: สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตานิรภัย และหน้ากากเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
  3. ไม่ควรผสมสารเคมีหลายชนิด: ห้ามผสมโซดาไฟกับสารเคมีอื่นที่มีฤทธิ์ต่างกัน เช่น น้ำยาฟอกขาวหรือแอมโมเนีย
  4. เก็บรักษาอย่างระมัดระวัง: เก็บโซดาไฟในที่เย็นและแห้ง ห่างจากสารเคมีอื่นๆ และพ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ความคืบหน้าของการสืบสวน

เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า แม่ผู้เสียชีวิตได้ขอให้ไปซื้อโซดาไฟมาใช้ล้างท่อที่อุดตันในห้องน้ำ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากการสูดดมสารเคมีดังกล่าวในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี ตำรวจและเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป