ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9-0 ยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิกก.บห. 10 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง สั่งยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

การตัดสินยุบพรรคก้าวไกล

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง สั่งยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย การตัดสินครั้งนี้เป็นผลมาจากคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีมติเอกฉันท์เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี

ผลกระทบต่อกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิ์ของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 – 31 มกราคม 2567 ซึ่งรวมถึงกรรมการบริหารพรรคทั้งสองยุค โดยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง

ปฏิกิริยาจากสหรัฐอเมริกา

ล่าสุด สถานทูตสหรัฐและสถานกงสุลในประเทศไทยได้เผยแพร่แถลงการณ์โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แมทธิว มิลเลอร์ เกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกล ระบุว่า

“สหรัฐอเมริกามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยในวันนี้ ซึ่งมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำพรรค 11 คน”

แถลงการณ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า

  • คำตัดสินนี้ลิดรอนสิทธิ์ของชาวไทยกว่า 14 ล้านคนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
  • คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเสี่ยงต่อการบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และขัดกับความปรารถนาของชาวไทยต่ออนาคตที่มั่นคงและเป็นประชาธิปไตย
  • การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนโดยทั่วถึงเสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาบันระดับชาติที่เข้มแข็ง
  • สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใด แต่ในฐานะพันธมิตรและมิตรใกล้ชิดที่มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นยาวนาน เรียกร้องให้ไทยดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง และเพื่อปกป้องประชาธิปไตย รวมถึงเสรีภาพในการสมาคมและการแสดงออก

การยุบพรรคก้าวไกล และการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลเป็นการกระทำที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการเมืองไทย และได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในประเทศและจากนานาชาติ

ย้อนโพสต์ “ธนาธร” เล่าถึงวันแรกที่ “พิธา” ที่เข้ามาพรรค

ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง กกต. วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

การเข้ามาของพิธา และการเติบโตในพรรคการเมือง

เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง กกต. วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน จำนวน 42,000 หุ้น เรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสร้อนแรงในวงการการเมืองและในโลกออนไลน์

ผู้สนับสนุนนายพิธาและพรรคก้าวไกลแสดงความไม่พอใจและมองว่าเป็นการสกัดขาทางการเมือง แฮชแท็ก #โหวตนายก #โหวตนายกรอบ2 #ประชุมสภา ติดเทรนด์ตลอดทั้งวัน มีประชาชนจำนวนมากโพสต์ให้กำลังใจนายพิธาและพรรคก้าวไกล

การสนับสนุนจากธนาธร

หนึ่งในผู้สนับสนุนคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และหัวหน้าคณะก้าวหน้า เขาได้ไปให้กำลังใจนายพิธาถึงที่ และถ่ายรูปคู่มาทวีตบอกว่า “ค่ำคืนนี้ มาให้กำลังใจคุณ #พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล หนทางยังอีกไกล ขอให้เข้มแข็ง นำพี่น้องประชาชนไทยสู่อนาคตอันสดใสต่อไป”

เรื่องราวของพิธา กับ พรรคอนาคตใหม่

ธนาธร เคยเปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊กถึงวันแรกที่นายพิธาเดินเข้ามาที่พรรคอนาคตใหม่ จนกระทั่งพรรคถูกยุบ กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลที่แข็งแกร่ง โดยมีนายพิธาก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล

“วันแรกที่ทิมเดินเข้ามาที่พรรคอนาคตใหม่ ผมก็รู้แล้วว่าคนคนนี้หลักแหลมและมีอนาคตทางการเมืองยาวไกล และผมก็คาดไว้ไม่ผิด ทิมเป็นหัวหน้าพรรคที่ดีที่สุดเท่าที่ก้าวไกลจะมีได้ เขาไม่เพียงเป็นหัวหน้าพรรคที่กล้าพูดประเด็นแหลมคม สั่นสะเทือนในสภา แต่ยังเป็นหัวหน้าที่พร้อมสนับสนุน ส.ส. ในพรรคอยู่เสมอ

ผมเชื่อว่าทิมจะเป็น ส.ส. ที่ดี และวันนี้ ผมเชื่อว่าเขาเติบโตขึ้นทั้งในด้านประสบการณ์ ความรู้ ความลึกซึ้งทางการเมือง วันนี้ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นแค่ ‘ส.ส. ที่ดี’ แต่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีของคนไทยได้”