โรเซ่ เซ็นสัญญากับ Atlantic Records ในฐานะศิลปินเดี่ยว

โรเซ่ (Rosé) สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง BLACKPINK ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงระดับโลก Atlantic Records

โรเซ่ (Rosé) สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง BLACKPINK ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงระดับโลก Atlantic Records ในฐานะศิลปินเดี่ยว โดยเธอได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @roses_are_rosie ว่า

“ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะประกาศให้ทุกคนทราบว่า ฉันได้เซ็นสัญญากับ @atlanticrecords แล้ว!!! ฉันรู้ว่าทุกคนรอช่วงเวลานี้มานานมากกกก แต่ฉันก็หวังว่าทุกคนจะพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะให้ทุกคนได้ยินทุกอย่าง อดใจรออีกนิดนะ! คิดถึงพวกคุณมากๆ”

ก้าวใหม่ของโรเซ่ในฐานะศิลปินเดี่ยว

ข่าวต่างประเทศวันนี้ การเซ็นสัญญาครั้งนี้ถือเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญสำหรับโรเซ่ โดยเธอจะได้ทำงานกับค่าย Atlantic Records ซึ่งเป็นบ้านของศิลปินระดับโลกอย่าง Bruno Mars, Silk Sonic, Cardi B และศิลปินชั้นนำอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้แฟน ๆ ต่างคาดหวังและตั้งตารอผลงานใหม่จากโรเซ่ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต

การเคลื่อนไหวของโรเซ่

นอกจากนี้โรเซ่ยังทิ้งท้ายในโพสต์ว่า

“ป.ล. ติดตาม @vampirehollie เพื่อรับการอัปเดตอย่างรวดเร็ว รวมถึงโมเมนต์น่ารัก ๆ จากทีมได้เลย”

ซึ่งเพิ่มความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่อยากติดตามความเคลื่อนไหวของเธออย่างใกล้ชิด

การเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงศักยภาพและความสำเร็จของโรเซ่ในฐานะศิลปินเดี่ยวที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

“พร้อมพงศ์” ปิดสวิตช์ ประวิตร พร้อมเปิดหลักฐานการลาประชุม

ข่าวการเมืองวันนี้ จากการตรวจสอบพบว่า พลเอกประวิตรขาดการโหวตกฎหมายสำคัญถึง 13 ครั้ง จากทั้งหมด 16 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 81.25

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 25 กันยายนนี้ เขาจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการลาประชุมของ ส.ส. โดยเฉพาะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ โดยพร้อมพงศ์ยืนยันว่า จากหลักฐานที่รวบรวมมา เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดพลเอกประวิตรได้

ข่าวการเมืองวันนี้ จากการตรวจสอบพบว่า พลเอกประวิตรขาดการโหวตกฎหมายสำคัญถึง 13 ครั้ง จากทั้งหมด 16 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 81.25 ในขณะที่ส.ส.ส่วนใหญ่มีการลาประชุมเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3.91 พร้อมพงศ์ตั้งข้อสังเกตว่าการขาดประชุมนี้อาจเป็นการละเลยหน้าที่ และเป็นการทรยศต่อประชาชนที่ไว้วางใจเลือกเข้ามาทำงานในสภาฯ

พร้อมพงศ์ ยังยืนยันว่า ในวันพุธนี้ เขาจะเปิดเผยหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าพลเอกประวิตรไปทำอะไรในวันที่ขาดการประชุม โดยในบางครั้งพลเอกประวิตรได้ลงพื้นที่ช่วยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ควรทำในวันศุกร์ เสาร์ หรืออาทิตย์ แทนที่จะขาดประชุมสภาฯ นอกจากนี้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ยังเปิดเผยว่า ตลอดการประชุมสภาฯ พลเอกประวิตรไม่เคยเข้าร่วมประชุมเลย

พร้อมพงศ์ ยังย้ำว่า การตรวจสอบครั้งนี้จะไม่มี “มวยล้มต้มคนดู” และประชาชนจะต้องตะลึงกับหลักฐานที่ถูกเปิดเผย

ราชกิจจา ประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้ใน 120 วัน

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ปรับแก้เพื่อให้การสมรสของคู่สมรสเป็นไปอย่างเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ปรับแก้เพื่อให้การสมรสของคู่สมรสเป็นไปอย่างเท่าเทียม

โดยกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน หรือประมาณวันที่ 22 มกราคม 2568

สาระสำคัญของกฎหมายสมรสเท่าเทียม

พระราชบัญญัตินี้ได้มีการปรับแก้ มาตรา 43 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยระบุว่าภูมิลำเนาของคู่สมรสเป็นถิ่นที่อยู่ที่คู่สมรสอยู่ด้วยกัน เว้นแต่คู่สมรสฝ่ายใดแสดงเจตนาว่ามีภูมิลำเนาแยกจากกัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้สิทธิการสมรสของคู่สมรสมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น

สำหรับผู้ที่ต้องการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายใหม่ จะต้องรอให้พ้นระยะเวลา 120 วันหลังจากประกาศใช้ หรือเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 จึงจะสามารถดำเนินการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายใหม่ที่รับรองสิทธิสมรสเท่าเทียมได้

สมรสเท่าเทียม คือออะไร

สมรสเท่าเทียม คือ กฎหมายที่รับรองสิทธิให้บุคคลที่มีเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกับคู่สมรสชายหญิงทั่วไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สิทธิและความคุ้มครองทางกฎหมายแก่คู่รักเพศเดียวกัน เช่น สิทธิในการเป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิในการรับมรดก สิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพ และสิทธิอื่น ๆ ที่คู่สมรสเพศตรงข้ามมี

สมรสเท่าเทียม เริ่มใช้วันไหน

กฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 และจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศ 120 วัน ซึ่งหมายความว่ากฎหมายจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568

ลำปาง น้ำป่าไหลหลาก ต้องเร่งระบายน้ำด่วน

จังหวัดลำปาง เผชิญกับฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและทำให้เขื่อนกิ่วคอหมาเต็มความจุ จนต้องเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำวังเพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อน

จังหวัดลำปาง เผชิญกับฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและทำให้เขื่อนกิ่วคอหมาเต็มความจุ จนต้องเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำวังเพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อน

โดยในเช้าวันที่ 25 กันยายน 2567 เขื่อนกิ่วคอหมาระบายน้ำอยู่ที่ 255 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเขื่อนกิ่วลมระบายน้ำที่ 322 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ

การระบายน้ำจากเขื่อน จะส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดลำปาง ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหมู่ 1 บ้านบุญนาคพัฒนา ตำบลบุญนาคพัฒนา และพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตเทศบาลนครลำปาง ระดับน้ำคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 70-85 เซนติเมตร ส่งผลกระทบต่อบริเวณถนนเลียบแม่น้ำวังและถนนในพื้นที่ลุ่มต่ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำ

การเตรียมการและเฝ้าระวัง

กรมชลประทานได้ประสานกับจังหวัดลำปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้เคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ กรมชลประทานยืนยันว่าเขื่อนกิ่วลมและกิ่วคอหมามีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย

คิมจองอึน ใช้คำพูดคล้ายเกาหลีใต้ ถูกสงสัย ติดซีรีส์?

ผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน ได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนระหว่างการเยี่ยมเยียนผู้ประสบอุทกภัยที่แม่น้ำยาลู

รายงานจากสำนักข่าว Radio Free Asia เปิดเผยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน ได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนระหว่างการเยี่ยมเยียนผู้ประสบอุทกภัยที่แม่น้ำยาลู เมืองซินอึยจู เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยใช้คำพูดที่ฟังคล้ายคำศัพท์จากเกาหลีใต้ ซึ่งผิดกฎหมายในเกาหลีเหนือและมีบทลงโทษรุนแรง

คำพูดที่สร้างความสับสนและข้อสงสัย

คิมจองอึน ใช้คำว่า “ประชาชนทั้งหลาย” แทนคำว่า “สหาย” ที่เป็นคำศัพท์มาตรฐานในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังเรียกผู้สูงอายุว่า “คนแก่” แทนคำที่สุภาพกว่า เช่น “ผู้อาวุโส” หรือ “ปู่ย่าตายาย” สร้างความงุนงงให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเมื่อเขาเรียกโทรทัศน์ว่า “ทีวี” แทนที่จะใช้คำว่า “เทเรบี” ซึ่งเป็นคำที่คนเกาหลีเหนือคุ้นเคย

กฎหมายควบคุมการใช้ภาษาและวัฒนธรรมในเกาหลีเหนือ

เกาหลีเหนือ มีกฎหมายเข้มงวดสองฉบับเพื่อควบคุมไม่ให้ประชาชนใช้คำพูดหรือพฤติกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากเกาหลีใต้ ได้แก่ “กฎหมายความคิดและวัฒนธรรมที่ส่งผลให้มีพฤติกรรมต่อต้าน” ซึ่งประกาศใช้ปี 2020 และ “กฎหมายคุ้มครองภาษาวัฒนธรรมเปียงยาง” ปี 2023 ซึ่งมุ่งเน้นรักษามาตรฐานภาษาของเกาหลีเหนือ และห้ามการใช้คำทับศัพท์ที่มีอิทธิพลจากตะวันตก

ข่าวต่างประเทศ ที่ผ่านมา การใช้คำพูดหรือพฤติกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากเกาหลีใต้ในเกาหลีเหนือถือเป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นถูกลงโทษด้วยการส่งไปทำงานในเหมืองถ่านหินหรือค่ายกักกัน อีกทั้งยังมีการประหารชีวิตผู้ที่ลักลอบฟังเพลง K-Pop ของเกาหลีใต้อีกด้วย

การใช้คำศัพท์แบบเกาหลีใต้ของคิมจองอึนจึงสร้างความประหลาดใจและคำถามว่าเหตุใดผู้นำเกาหลีเหนือถึงได้ใช้คำเหล่านี้ท่ามกลางกฎหมายที่เคร่งครัด

หญิง ติดน้ำส้มสายชู พบผลกระทบต่อสุขภาพ แต่แก้ไขได้

ผลตรวจสุขภาพ หญิงติดน้ำส้มสายชู พบว่าระดับความเป็นกรดในกระเพาะอาหารของคุณหลี่สูงกว่าปกติเล็กน้อย

คุณหลี่ วัย 51 ปี จากปักกิ่ง ประเทศจีน ชอบใส่น้ำส้มสายชูในอาหารทุกมื้อ โดยเฉพาะอาหารประเภทซุปหรือบะหมี่ ซึ่งเธอใส่น้ำส้มสายชูเพื่อเพิ่มรสชาติในตอนเช้า รวมถึงใช้น้ำส้มสายชูดำเป็นน้ำจิ้มในมื้อกลางวันและเย็น อย่างไรก็ตาม ลูกชายของเธอเริ่มกังวลว่าอาจส่งผลต่อสุขภาพของเธอ จึงพาเธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล

ผลตรวจสุขภาพ กรดในกระเพาะอาหารสูง

ผลตรวจสุขภาพ หญิงติดน้ำส้มสายชู พบว่าระดับความเป็นกรดในกระเพาะอาหารของคุณหลี่สูงกว่าปกติเล็กน้อย แพทย์อธิบายว่า แม้ว่าน้ำส้มสายชูจะมีประโยชน์ในการย่อยอาหารและลดน้ำตาลในเลือด แต่การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหากับกระเพาะอาหารได้ เช่น โรคกรดไหลย้อนหรือโรคกระเพาะ เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารสูงเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

ปรับการกินอาหารและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

หลังจากฟังคำแนะนำของแพทย์ คุณหลี่ได้ปรับเปลี่ยนการกินอาหารโดยลดปริมาณน้ำส้มสายชูและเพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ เมื่อกลับไปตรวจสุขภาพอีกครั้ง ค่าต่างๆ ในร่างกายกลับมาเป็นปกติ แพทย์จึงย้ำให้ทุกคนระมัดระวังการบริโภคอาหารอย่างสมดุล ไม่ควรรับประทานเครื่องปรุงหรืออาหารชนิดใดมากเกินไปเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติม : ข่าวต่างประเทศ

ลิซ่า เตรียมจัดแฟนมีตเดี่ยวครั้งแรก “LISA Fan Meetup in Asia 2024”

ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK หลัง LLOUD ต้นสังกัดของลิซ่า ประกาศแฟนมีตติ้ง “LISA Fan Meetup in Asia 2024”

เป็นข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ของ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK เมื่อ LLOUD ต้นสังกัดของลิซ่า ได้ประกาศจัดแฟนมีตติ้งครั้งแรกในเอเชียภายใต้ชื่อ “LISA Fan Meetup in Asia 2024” ซึ่งจะเริ่มต้นทัวร์ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 โดยประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของทัวร์นี้

LISA Fan Meetup in Asia 2024

ตารางทัวร์ “LISA Fan Meetup in Asia 2024”

  • 11 พฤศจิกายน 2567: สิงคโปร์
  • 13 พฤศจิกายน 2567: กรุงเทพมหานคร, ไทย
  • 15 พฤศจิกายน 2567: จาการ์ตา, อินโดนีเซีย
  • 17 พฤศจิกายน 2567: เกาสง, ไต้หวัน
  • 19 พฤศจิกายน 2567: ฮ่องกง

ข่าวต่างประเทศ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่จัดงานและผู้จัดงานแฟนมีตติ้งครั้งนี้ยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่แฟนๆ เตรียมตัวสนุกสุดมันส์และเต้นไปกับลิซ่าได้เลยในเดือนพฤศจิกายนนี้!

ชาวเวียดนาม แชร์ทริก ทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม

ข่าวต่างประเทศ เผยเคล็ดลับที่สามารถทำให้บ้านกลับมาสะอาดหมดจดโดยไม่ต้องใช้แรงหรือเวลาเยอะ วิธีนี้คือการใช้ประโยชน์จากน้ำท่วมในการทำความสะอาดบ้าน

ข่าวต่างประเทศ เมื่อเว็บไซต์ SOHA ของเวียดนามรายงานวิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วมที่กำลังเป็นที่นิยม คู่สามีภรรยาชาวเวียดนามจากจังหวัดเตวียนกวาง ได้เผยเคล็ดลับที่สามารถทำให้บ้านกลับมาสะอาดหมดจดโดยไม่ต้องใช้แรงหรือเวลาเยอะ วิธีนี้คือการใช้ประโยชน์จากน้ำท่วมในการทำความสะอาดบ้าน โดยไม่ต้องรอให้น้ำลดจนแห้งสนิท

วิธีการทำความสะอาดโดยใช้ประโยชน์จากน้ำท่วม

สองสามีภรรยารายนี้เล่าว่า เมื่อบ้านของพวกเขาถูกน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร พวกเขาเริ่มทำความสะอาดทันทีหลังจากน้ำเริ่มลดลง โดยใช้แปรงขัดเพื่อล้างโคลนที่ติดอยู่ตามประตู ตู้ครัว บันได และพื้นที่อื่น ๆ น้ำที่ท่วมเข้ามากลายเป็นตัวช่วยให้โคลนและสิ่งสกปรกไหลออกไปพร้อมกับระดับน้ำที่ลดลง หลังจากน้ำลด พวกเขาใช้น้ำสะอาดล้างบ้านอีกครั้ง ทำให้บ้านกลับมาสะอาดโดยไม่มีร่องรอยของโคลนเหลืออยู่

วิธีที่ได้รับการยอมรับและแนะนำในชุมชน

วิธีทำความสะอาดบ้านจากน้ำท่วมนี้ไม่เพียงแต่ได้ผลดี แต่ยังได้รับการยอมรับจากชาวเวียดนามหลายครอบครัว ซึ่งแนะนำวิธีนี้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีพายุและน้ำท่วม การใช้ประโยชน์จากน้ำท่วมเพื่อทำความสะอาดบ้านกลายเป็นวิธีที่ชาวบ้านยอมรับและนำไปปฏิบัติ เพื่อให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องง่ายและไม่ต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมมาก

ทรัมป์ เผชิญเหตุลอบสังหารครั้งที่ 2 ล่าสุดปลอดภัยแล้ว

ชายผู้หนึ่งพร้อมปืนไรเฟิลได้จ่อปืนไปที่สนามกอล์ฟของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ขณะที่ทรัมป์กำลังออกรอบเล่นกอล์ฟอยู่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชายผู้หนึ่งพร้อมปืนไรเฟิลได้จ่อปืนไปที่สนามกอล์ฟของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ขณะที่ทรัมป์กำลังออกรอบเล่นกอล์ฟอยู่ เจ้าหน้าที่หน่วยงาน Secret Service ต้องยิงตอบโต้เพื่อป้องกันสถานการณ์ โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ และทรัมป์ปลอดภัยดี

การสืบสวนและความพยายามลอบสังหาร

ข่าวต่างประเทศ สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) ได้เริ่มสืบสวนเหตุการณ์นี้ ซึ่งอาจเป็นความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีที่กำลังชิงตำแหน่งสมัยที่สอง สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุได้ทิ้งอาวุธปืนและพยายามหลบหนีโดยใช้รถยนต์ แต่ถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมาโดยไม่มีผู้บาดเจ็บ

หลังเหตุการณ์ สนามกอล์ฟ ทรัมป์ อินเทอร์เนชั่นแนล กอล์ฟคลับ ปิดให้บริการบางส่วนชั่วคราว และทรัมป์ได้เดินทางกลับไปยังรีสอร์ท มาร์-อะ-ลาโก ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามกอล์ฟดังกล่าว

ปฏิกิริยาจากผู้นำสหรัฐฯ และความคืบหน้าของการสืบสวน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ได้รับรายงานสรุปเหตุการณ์และต่างรู้สึกโล่งใจที่ทรัมป์ปลอดภัย แฮร์ริสได้แถลงแสดงความดีใจที่ทรัมป์ไม่เป็นอันตราย และกล่าวว่าความรุนแรงในอเมริกาจะต้องยุติลง

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสองเดือนหลังจากที่ทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารในรัฐเพนซิลเวเนียระหว่างการปราศรัย ซึ่งตอนนั้นเขารอดชีวิตมาได้ แม้จะถูกกระสุนถากที่หูขวา และผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์นั้นถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ

ทรัมป์มีกำหนดกลับไปหาเสียงในรัฐมิชิแกนในวันอังคาร และในรัฐนิวยอร์กในวันพุธนี้

ผลการดีเบต ทรัมป์-แฮร์ริส โพลชี้ แฮร์ริสชนะ

การดีเบตระหว่างสองแคนดิเดตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คือ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เป็นที่จับตามองอย่างมาก

การดีเบตระหว่างสองแคนดิเดตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คือ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เป็นที่จับตามองอย่างมาก ผลสำรวจความเห็นทันทีหลังการดีเบตโดยสำนักข่าว CNN ระบุว่า แฮร์ริสได้รับคะแนนสนับสนุนสูงถึง 63% ขณะที่ทรัมป์ได้เพียง 37% นับเป็นการพลิกโพลจากการดีเบตครั้งก่อน ที่ทรัมป์เอาชนะประธานาธิบดีโจ ไบเดนด้วยคะแนน 67-33% อย่างชัดเจน

ผลการดีเบตและความเห็นจากสองฝ่าย

หลังการดีเบตจบลง นักการเมืองจากทั้งสองพรรคต่างออกมาแสดงความคิดเห็น ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิก จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่าทรัมป์สามารถปกป้องตนเองได้ดี โดยเน้นย้ำว่าช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดี สถานการณ์ดีขึ้นมากกว่าในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ส่วนคริส เมอร์ฟี วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่าทรัมป์ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขาจะนำพาประเทศไปในทิศทางใดหากได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง ขณะที่แฮร์ริสแสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากกว่า

ผลสำรวจและสถานการณ์ในรัฐสมรภูมิ

ผลสำรวจจาก New York Times-Siena College ระบุว่าคะแนนนิยมในระดับชาติของทรัมป์นำแฮร์ริสที่ 48-47% อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสนำอยู่เล็กน้อยในหลายโพลที่สำรวจในรัฐสมรภูมิสำคัญ เช่น วิสคอนซิน มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ขณะที่ในรัฐอื่น ๆ อย่างแอริโซนา จอร์เจีย เนวาดา และนอร์ธแคโรไลนา ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน รัฐสมรภูมิทั้งเจ็ดนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

หากแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง เธอจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ และเป็นผู้ที่มีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรก รวมถึงเป็นประธานาธิบดีคนที่สองของสหรัฐฯ ที่เป็นคนผิวดำ

อ่านเพิ่มเติม https://www.sanook.com/news/9558114/