พยากรณ์อากาศวันนี้ 21 ส.ค. 67

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนว่า ทั่วประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะภาคเหนือที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนว่า ทั่วประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะภาคเหนือที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีฝนตกใน 70% ของพื้นที่ ในขณะที่กรุงเทพมหานครจะมีฝนตกใน 60% ของพื้นที่

รายละเอียดการพยากรณ์

  • ภาคเหนือ: มีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนบน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก: มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ระวังฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
  • กรุงเทพมหานคร: มีฝนตกใน 60% ของพื้นที่
  • ทะเลอันดามันและอ่าวไทย: คลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นจะสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ

สาเหตุของสภาพอากาศ

สภาพอากาศในวันนี้ เกิดจากร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน รวมถึงลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

พระซุ้มกอ อัญมณีแห่งพุทธศิลป์และพุทธคุณของกำแพงเพชร

พระซุ้มกอ ถือเป็นพระเครื่องที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดกำแพงเพชร ทั้งในด้านพุทธคุณและพุทธศิลป์

พระซุ้มกอ ถือเป็นพระเครื่องที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดกำแพงเพชร ทั้งในด้านพุทธคุณและพุทธศิลป์ ด้วยความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงอยู่ในองค์พระ ทำให้พระซุ้มกอเป็นที่เคารพบูชาและหายากในวงการพระเครื่อง

ตำนานการสร้างพระซุ้มกอ

พระซุ้มกอถูกขุดค้นพบครั้งแรกในบริเวณวัดพระบรมธาตุ วัดพิกุล วัดฤาษี และลานทุ่งเศรษฐี โดยจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่าพระซุ้มกอถูกสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย โดยพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งท่านเป็นผู้ปกครองเมืองชากังราว ซึ่งปัจจุบันคือจังหวัดกำแพงเพชร

การค้นพบศิลาจารึกแผ่นเงินที่วัดพระบรมธาตุในปี พ.ศ. 2392 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ทำให้ทราบว่าพระซุ้มกอถูกสร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 1900 โดยมีฤาษีผู้มีฤทธิ์ 3 ตน ได้แก่ ฤาษีพิราลัย ฤาษีตาไฟ และฤาษีตาวัว เป็นผู้นำในการสร้างพระเครื่องชุดนี้ โดยใช้วัตถุดิบจากดินผสมว่าน 108 และเกสรดอกไม้ รวมถึงมีบางส่วนที่ทำจากเนื้อชินเงิน

ลักษณะของพระซุ้มกอ

พระซุ้มกอมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ล้อมรอบด้วยลวดลายกนกที่ข้างองค์พระ ขอบพิมพ์ขององค์พระจะโค้งมนคล้ายตัวอักษร “ก.” ทำให้พระเครื่องนี้ได้รับชื่อว่า “พระซุ้มกอ” นอกจากนี้ พระซุ้มกอยังถือเป็นต้นแบบในการสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โตได้นำเศษพระซุ้มกอกำแพงเพชรมาบดเป็นส่วนผสมในการสร้างพระสมเด็จ ทำให้พระสมเด็จมีความศักดิ์สิทธิ์และโด่งดังไปทั่วประเทศ

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์

จากการสันนิษฐาน พระกำแพงซุ้มกอ มีอายุประมาณ 700-800 ปี โดยถูกสร้างขึ้นในสมัยที่เมืองชากังราวเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของกรุงสุโขทัย ซึ่งทำให้พระซุ้มกอเป็นหนึ่งในพระเครื่องที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ

พระซุ้มกอจึงไม่เพียงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพบูชา แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความงดงามและความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยในอดีต

ไทม์ไลน์ผู้ป่วย ฝีดาษลิง สายพันธุ์ Clade 1 รายแรกในไทย

การพบผู้ป่วย โรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1 รายแรกในประเทศไทย ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาวยุโรปที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการพบผู้ป่วย โรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1 รายแรกในประเทศไทย ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาวยุโรปที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา โดยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และมีตุ่มขึ้นตามร่างกาย จึงได้ไปโรงพยาบาล

การตรวจวินิจฉัย ฝีดาษลิง

เมื่อแพทย์ทำการซักถามประวัติและตรวจเชื้อโรคฝีดาษลิง ผลการตรวจพบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นสายพันธุ์ Clade 1b หรือไม่ ขณะนี้ทางกรมควบคุมโรคได้ทำการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ จำนวน 43 คน และจะติดตามอาการของพวกเขาเป็นเวลา 21 วัน รวมถึงผู้ที่เดินทางร่วมกับผู้ป่วยบนเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567

สถานะของผู้ป่วยและการติดตามผล

ผู้ป่วยรายนี้มีอาการไม่รุนแรงและยังคงรักษาตัวอยู่ในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคคาดว่าจะสามารถยืนยันสายพันธุ์ของเชื้อได้อย่างชัดเจนภายในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 หากผลการตรวจยืนยันว่าเป็นฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1b ก็จะถือเป็นผู้ป่วยรายแรกของสายพันธุ์นี้ในประเทศไทย

อ่านเพิ่มเติม รู้จัก ฝีดาษลิง Clade 1B

วิธีปลูกกาแฟ เทคนิคการดูแลและเก็บเกี่ยวผลผลิต

การปลูกกาแฟในภาคเหนือ มีขั้นตอนที่ต้องใส่ใจหลายด้าน ตั้งแต่การเลือกพื้นที่ปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการจัดการดินและการเก็บเกี่ยว การดูแลต้นกาแฟอย่างถูกวิธี

วิธีปลูกกาแฟในภาคเหนือ

การปลูกกาแฟในภาคเหนือของไทย มีขั้นตอนที่สำคัญเริ่มต้นจากการเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ซึ่งควรเป็นพื้นที่ที่มีความสูงตั้งแต่ 800 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเล เนื่องจากกาแฟในพื้นที่สูงจะให้ผลผลิตและคุณภาพที่ดีกว่า เมื่อเลือกพื้นที่แล้วให้เตรียมดินโดยการไถและปลูกพืชคลุมดินเพื่อรักษาความชื้น หลังจากนั้นปลูกต้นกาแฟในช่วงฤดูฝน เพราะเป็นช่วงที่ดินมีความชื้นเพียงพอและช่วยให้ต้นกาแฟตั้งตัวได้ดีขึ้น

ดินที่เหมาะกับการปลูกกาแฟ

ดินที่เหมาะกับการปลูกกาแฟควรเป็นดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) และมีสารอินทรีย์สูง เนื่องจากดินที่อุดมสมบูรณ์จะช่วยให้ต้นกาแฟเติบโตได้ดี และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ การปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของดินได้อีกด้วย

วิธีดูแลต้นกาแฟ

ต้นกาแฟ ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องการให้น้ำ ควรรดน้ำสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังควรทำการตัดแต่งกิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ต้นกาแฟได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง การใส่ปุ๋ยเป็นอีกส่วนสำคัญ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีธาตุอาหารครบถ้วน นอกจากนี้การจัดการแมลงศัตรูพืชก็เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ โดยการใช้สารชีวภาพที่ปลอดภัย

ต้นกาแฟปลูกกี่ปี

ต้นกาแฟที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 20-30 ปี โดยมีการลดลงของผลผลิตในช่วงปีหลังๆ ดังนั้นเกษตรกรบางคนอาจเลือกที่จะปลูกต้นใหม่เพื่อคงระดับผลผลิตที่ต้องการ

ปลูกกาแฟกี่ปีได้ผลผลิต

ต้นกาแฟ จะเริ่มให้ผลผลิตครั้งแรกเมื่อมีอายุประมาณ 3-4 ปี โดยผลผลิตในช่วงแรกอาจยังไม่มาก แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุของต้นกาแฟเพิ่มขึ้น ผลผลิตที่ดีที่สุดมักจะเกิดขึ้นในช่วงต้นกาแฟมีอายุ 5-10 ปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและสภาพดินที่ปลูกด้วย 

อ่านเพิ่มเติม โครงการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน

สรุป

การปลูกกาแฟในภาคเหนือ มีขั้นตอนที่ต้องใส่ใจหลายด้าน ตั้งแต่การเลือกพื้นที่ปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการจัดการดินและการเก็บเกี่ยว การดูแลต้นกาแฟอย่างถูกวิธีจะทำให้ได้ผลผลิตที่ดีและต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี

ถอดบทเรียน คิวพี ขับเจ็ตสกี ต้องมีใบขับขี่เรือไหม

ข้อกำหนดและกฎหมายเกี่ยวกับการใช้เจ็ตสกี ผู้ขับขี่เจ็ตสกี ต้องมีใบอนุญาตขับขี่เรือหรือ “ใบนายท้ายเรือกลเดินทะเล”

ตำรวจเร่งสอบสวนกรณีอุบัติเหตุเจ็ตสกีของดาราหนุ่ม คิวพี ชนเรือหางยาวของชาวบ้านกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ขณะเดียวกันกรมเจ้าท่าเตรียมเรียกนักแสดงหนุ่มให้ปากคำเพิ่มเติม พ่อของดาราหนุ่มยืนยันเป็นอุบัติเหตุและขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมเยียวยาอย่างเต็มที่ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหลักฐานและสถานที่เกิดเหตุเพื่อตัดสินคดีต่อไป

ข้อกำหนดและกฎหมายเกี่ยวกับการใช้เจ็ตสกี

การจดทะเบียนเรือเจ็ตสกี

เจ็ตสกี ต้องจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ที่เป็นเจ้าของเรือต้องดำเนินการยื่นคำขอใบอนุญาตใช้เรือกลเดินทะเลเฉพาะเขตกับเจ้าพนักงานออกใบอนุญาตตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

ใบอนุญาตขับขี่เรือ

ผู้ขับขี่เจ็ตสกี ต้องมีใบอนุญาตขับขี่เรือหรือ “ใบนายท้ายเรือกลเดินทะเล” ซึ่งจะต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการควบคุมเรือและการเดินเรือ โดยใบขับขี่เรือแต่ละประเภทจะมีอายุ 5 ปี และต้องยื่นขอต่ออายุเมื่อครบกำหนด หากขับเจ็ตสกีโดยไม่มีใบขับขี่เรือ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โทษทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้เจ็ตสกี

  • ใช้เจ็ตสกีที่ไม่ได้รับอนุญาต: ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  • ใช้เจ็ตสกีที่ใบอนุญาตหมดอายุ: ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และอาจถูกยึดใบอนุญาตใช้เรือไม่เกิน 6 เดือน
  • ขับเจ็ตสกีโดยไม่มีใบอนุญาต: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ไม่นำใบอนุญาตไว้ในเรือ: ปรับตั้งแต่ 100-1,000 บาท

สรุป

เจ็ตสกี ถือเป็นเรือตามกฎหมาย และผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการมีใบอนุญาตขับขี่เรือและการจดทะเบียนเรืออย่างถูกต้อง การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีโทษทั้งจำและปรับตามที่ระบุในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย

ขับเจ็ตสกีต้องมีใบอนุญาตไหม

ไขปริศนาการตาย “หมอเก่ง” หลังพบกินสารพิษ “เกลือทอง”

จากการตรวจสอบในถังขยะที่หอพัก พบซอง “เกลือทอง” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการลอกทองคำ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารพิษรุนแรง ส่งผลให้ “หมอเก่ง” มีอาการเลือดแข็งตัวและไตวาย

การหายตัวไปของ “หมอเก่ง” และการพบศพ

จากกรณีที่เพจ รพ.สต.หนองชิ่ม โพสต์ประกาศตามหา “หมอเก่ง” เจ้าหน้าที่ รพ.สต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง หลังหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2567 และไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมามีรายงานว่า “หมอเก่ง” ถูกพบตัวอยู่กับแฟนหนุ่มในห้องเช่าแห่งหนึ่งในชอยประชานิเวศน์ 38 แยก 11 โดยยืนยันว่า สมัครใจมาและไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย แต่ในเวลาต่อมา “หมอเก่ง” ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในที่สุด

การสอบสวนและข้อมูลเพิ่มเติมจากแฟนหนุ่ม

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากการสอบปากคำ นายชัยพร หรือ นายยู เพื่อนชายคนสนิทของ “หมอเก่ง” โดยเปิดเผยว่า ทั้งสองคนได้ตกลงกันว่าจะฆ่าตัวตายพร้อมกัน โดยใช้สารพิษที่เรียกว่า เกลือทองหรือโปแตสเซียมไซยาไนด์ นายยูได้สั่งซื้อเกลือทองมาเอง และทั้งสองคนได้กินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่จะดื่มน้ำที่มีสารพิษผสมอยู่

เกลือทอง และสาเหตุการเสียชีวิต

จากการตรวจสอบในถังขยะที่หอพัก พบซอง “เกลือทอง” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการลอกทองคำ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารพิษรุนแรง ส่งผลให้ “หมอเก่ง” มีอาการเลือดแข็งตัวและไตวาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการชันสูตรและยืนยันว่าอาการที่พบสอดคล้องกับการได้รับสารพิษ

สถานะทางกฎหมายและการสอบสวนเพิ่มเติม

ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหากับนายยู เนื่องจากต้องสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมหลักฐานว่านายยูมีส่วนทำให้ “หมอเก่ง” เสียชีวิตหรือไม่ และการกระทำร่วมกันกินสารพิษนี้มีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ การสอบสวนจะดำเนินต่อไปเพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.

จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยคำสั่งดังกล่าวได้ถูกยืนยันว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนด

สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ก.พ.ค.ตร. ได้มีมติว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง โดยระบุว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 140 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567

แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการรับรองจากสมาชิกสภาฯ จำนวน 291 คน ซึ่งเกินกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด

นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการรับรองจากสมาชิกสภาฯ จำนวน 291 คน ซึ่งเกินกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด ไม่มีผู้ใดเสนอชื่อชิงตำแหน่งเพิ่มเติม ทำให้น.ส.แพทองธารเป็นผู้เดียวที่ได้รับการเสนอชื่อ

การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจัดขึ้นโดยการขานชื่อลงคะแนนทีละคน ผลการลงคะแนนปรากฏว่า แพทองธาร ได้รับเสียง “เห็นชอบ” 319 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาฯ ที่มีอยู่ ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเปิดบทใหม่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสมาชิกสภาฯ ซึ่งคาดหวังว่าเธอจะนำพาประเทศไทยสู่ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต

ทรัพย์สิน แพทองธาร ชินวัตร

เศรษฐา พ้นเก้าอี้นายก แล้วยังไงต่อ ใครเป็นนายกแทน

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สถานการณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้นายเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งทันที และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน

แฮชแท็กและการถกเถียงในโลกออนไลน์

หลังคำวินิจฉัยของศาล แฮชแท็ก #เศรษฐาทวีสิน และ #ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พุ่งขึ้นติดเทรนด์ฮิตอันดับ 1 และ 2 ในประเทศไทย ตามลำดับ โดยประชาชนต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตของการเมืองไทย และจับตาดูว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่นายเศรษฐาได้ริเริ่มว่าจะถูกยกเลิกหรือไม่

ทางเลือกหลังการพ้นตำแหน่งของนายเศรษฐา

จากสถานการณ์นี้ คณะรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งนำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 มีทางเลือก 2 ทาง

  1. ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่: หากคณะรัฐมนตรีรักษาการตัดสินใจยุบสภา จะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด โดย กกต. จะเป็นผู้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งใหม่
  2. ไม่ยุบสภาและเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่: หากไม่ยุบสภา สภาผู้แทนราษฎรจะดำเนินการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากแคนดิเดตในบัญชีที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ต่อ กกต.

รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ปัจจุบันมี 7 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในบัญชีของพรรคการเมือง ซึ่งประกอบด้วย

ความกังวลเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือชะตากรรมของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นโครงการที่นายเศรษฐาได้ริเริ่มขึ้น หลายคนกังวลว่าโครงการนี้อาจถูกยกเลิกหรือหยุดชะงักภายหลังการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี

บทสรุป

ในช่วงเวลานี้ สังคมต่างจับตาดูการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และการดำเนินนโยบายสำคัญต่าง ๆ ที่จะมีผลกระทบต่ออนาคตของประเทศ

เศรษฐา พ้นเก้าอี้นายก

แคนดิเดตนายก หลังเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่ง

รายชื่อแคนดิเดตนายก หลังเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามมาตรา 167

หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามมาตรา 167 วรรคหนึ่ง และต้องสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากบัญชีของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 หรือ 25 คน ปัจจุบันมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลดังนี้

รายชื่อแคนดิเดตนายก

  1. พรรคเพื่อไทย (141 เสียง)
    • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    • นายชัยเกษม นิติสิริ
  2. พรรคภูมิใจไทย (71 เสียง)
    • นายอนุทิน ชาญวีรกูล
  3. พรรคพลังประชารัฐ (40 เสียง)
    • พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
  4. พรรครวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง)
    • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาพ
  5. พรรคประชาธิปัตย์ (25 เสียง)
    • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ขั้นตอนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

ความสำคัญของการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ โดยแคนดิเดตจากทั้ง 5 พรรคการเมืองใหญ่ในครั้งนี้จะเป็นตัวแทนที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและการบริหารประเทศในอนาคต