ข่าววันนี้

หลังจากกระแสดราม่าร้อนแรงในโลกออนไลน์เกี่ยวกับ เหตุการณ์ผู้ปกครองทะเลาะกันในโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง มีผู้ปกครองบางส่วนโยงชื่อของนักแสดงสาว หนิง ปณิตา เข้ามาเกี่ยวข้อง จนเกิดการคอมเมนต์อย่างกว้างขวาง

เหตุการณ์ในดราม่าหนิง ปณิตา

ข้อความในโลกออนไลน์ระบุว่า

“โรงเรียน Top Tier ค่าเทอมปีละเกือบล้าน ผปค.ดักตบกันกลางที่จอดรถในรร. เลือดตกยางออก! เพิ่งย้ายมาเรียนเจออะไรแบบนี้ตกใจ อยากให้ รร. มีมาตรการเชิญออกทั้งคู่ ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีของทั้งเด็กๆ และสังคม”

หนิง ปณิตา ออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว

หนิงโพสต์ข้อความยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พร้อมชี้แจงว่า

• ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
• หากมีใครทำให้เสียชื่อเสียง จะดำเนินคดีทางกฎหมาย
• ยืนยันสถานที่อยู่ช่วงเกิดเหตุ โดยระบุว่า ช่วงบ่ายสามอยู่ที่ร้านดอกไม้ Gettava และไปร่วมงานวันเกิดพี่ญ่าที่จัดโดยแฟนคลับ

หนิงกล่าวเพิ่มเติมว่า

“เหตุการณ์เมื่อวานหนิงยืนยันตัวตนและสถานที่ได้อย่างชัดเจน กล้องวงจรปิดของโรงเรียนมีบันทึกเหตุการณ์ หนิงขอให้ทุกคนเข้าใจและอย่าด่วนโยงชื่อหรือสร้างความเข้าใจผิด”

การชี้แจงครั้งนี้ช่วยลดความเข้าใจผิดในกลุ่มผู้ติดตามและย้ำถึงความบริสุทธิ์ใจของหนิง ปณิตาในประเด็นดังกล่าว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ แอฟ ทักษอร ได้พา น้องปีใหม่ ลูกสาว ไปร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ที่โบนันซ่า เขาใหญ่

ในงานนี้ สงกรานต์ เตชะณรงค์ อดีตสามีของแอฟ ได้พา มายด์ ณภศศิ แฟนสาวคนปัจจุบันมาร่วมงานด้วย ทำให้มีภาพถ่ายครอบครัวที่มี แอฟ, สงกรานต์, มายด์ และน้องปีใหม่ ร่วมเฟรมกันเป็นครั้งแรก

แอฟ ทักษอร ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการพบกันครั้งนี้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อเจอกันก็ทักทายกันตามปกติ ไม่มีการพูดคุยพิเศษใด ๆ และเธอไม่มีปัญหาใด ๆ กับการพบกันครั้งนี้ แอฟยังกล่าวว่า หากมีงานที่บ้านคุณปู่ไพวงษ์ และเธอไม่มีภารกิจอื่น ก็จะไปร่วมงานเสมอ

การพบกันครั้งนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีและความอบอุ่นในครอบครัวเตชะณรงค์ ซึ่งมักจะรวมตัวกันในโอกาสต่าง ๆ

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เป็นนักแสดงหญิงชาวไทยที่มีผลงานโดดเด่นในวงการบันเทิงไทย เธอเริ่มต้นอาชีพการแสดงตั้งแต่อายุยังน้อย และได้รับความนิยมจากผลงานภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก นักแสดงสาว เผยถึงประเด็นที่เคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์ของ เชน ธนา อดีตนักร้องหนุ่มที่กำลังเผชิญปัญหาคดีฉ้อโกง ว่าเธอไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากเรื่องนี้

ใบเฟิร์น ยืนยันว่าได้ค่าตัวครบถ้วนและหมดสัญญากับแบรนด์ไปนานกว่า 1 ปีแล้ว ระหว่างทำงานร่วมกันก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งก่อนรับงาน เธอและทีมงานได้ตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้ง

สำหรับข่าวผู้เสียหายที่เกี่ยวข้อง เธอระบุว่าไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์ตั้งแต่หมดสัญญาแล้ว

“ตอนเห็นข่าวก็ตกใจ แต่ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะทุกอย่างจบไปแล้วตั้งแต่หมดสัญญา” ใบเฟิร์นกล่าวปิดท้ายผลงานที่โดดเด่น

ประวัติใบเฟิร์น พิมพ์ชนก

• ชื่อเต็ม: พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์
• ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
• วันเกิด: 30 กันยายน พ.ศ. 2535
• การศึกษา: จบการศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ผลงานที่โดดเด่น

• ภาพยนตร์:
  • “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” (2553)
  • “Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน” (2562)
• ละครโทรทัศน์:
  • “หลงไฟ” (2560)
  • “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” (2562)

กระแสดราม่าช่อง 3 กับการดูแลนักแสดงหญิง

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกแถลงการณ์ 3 ภาษา (ไทย จีน และอังกฤษ) ประกาศเตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มคนที่โพสต์วิจารณ์ในเชิงลบต่อ “โป๊ป ธนวรรธน์” พระเอกชื่อดังในสังกัด ซึ่งทำให้แฟนคลับและผู้ชมส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าเหตุใดช่องถึงยังไม่มีการปกป้องนักแสดงหญิง ที่เคยตกเป็นเป้าของการพาดพิงหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงในลักษณะเดียวกัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากช่อง 3

หลังจากแฮชแท็ก #ช่อง3ทรีตนสดหญิงให้เท่าเทียม ติดเทรนด์และกลายเป็นที่สนใจในวงกว้าง ทางช่องต้นสังกัดได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้ละเลยความคิดเห็นของแฟนคลับ และกำลังพิจารณาข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการดูแลและปกป้องนักแสดงหญิงในสังกัดอย่างเหมาะสม

คำคมธรรมะจากผู้จัดการส่วนตัวของเบลล่า

ในขณะเดียวกัน พลอย ผู้จัดการส่วนตัวของเบลล่า ได้โพสต์คำคมธรรมะ “โลกธรรม 8” ผ่านสตอรี่อินสตาแกรม โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการยอมรับคำชมและคำด่าทอว่าเป็นสิ่งชั่วคราว ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการแสดงออกเชิงให้กำลังใจเบลล่าท่ามกลางดราม่าที่เกิดขึ้น

ปฏิกิริยาแฟนคลับและอนาคตของดราม่านี้

ดราม่าครั้งนี้ สะท้อนถึงความคาดหวังของแฟนคลับที่ต้องการเห็นความเท่าเทียมในการดูแลนักแสดงในสังกัดของช่อง 3 ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ซึ่งยังคงต้องติดตามว่าทางสถานีจะมีมาตรการใดเพิ่มเติมในการจัดการปัญหาเหล่านี้ต่อไป

ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งครั้งสำคัญ พาสหรัฐฯ กลับสู่แนวทางรีพับลิกัน

เมื่อไม่นานมานี้ สื่อใหญ่ในสหรัฐฯ อย่าง Fox News รายงานว่าทรัมป์ได้รับคะแนนโหวต 277 ต่อ 226 คะแนน ซึ่งเพียงพอให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ โดยเขาชนะในรัฐวิสคอนซิน ซึ่งเป็นรัฐสวิงที่มีผลต่อการชี้ขาดในครั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ยังส่งผลให้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาอีกครั้งด้วย 51 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง

การคัมแบ็กสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์: ตัวอย่างผู้นำที่กล้าเสี่ยงและมั่นคงในเป้าหมาย

โดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่มีบุคลิกโผงผาง แต่ก็เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จและมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ซึ่งเฟอร์ดินานด์ วินลวน ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล สรุปบทเรียนแห่งความสำเร็จของทรัมป์ไว้ว่า:

1. การมีวิสัยทัศน์ที่กล้าและทะเยอทะยาน – ทรัมป์แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการมองภาพกว้างและความกล้าในการฝันให้ใหญ่
2. ความมั่นใจในตนเอง – การเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านอุปสรรคใหญ่ๆ ได้
3. ความยืดหยุ่นและพากเพียร – ความอดทนของเขาแสดงให้เห็นในหลากหลายเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญกับปัญหาและวิกฤติ
4. การสร้างตัวเองเป็นแบรนด์ – ชื่อของทรัมป์กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความสำเร็จ
5. กล้าเสี่ยงในเชิงกลยุทธ์ – การเสี่ยงเพื่อสร้างโอกาสใหม่เป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อความก้าวหน้า
6. การสื่อสารที่ตรงประเด็นและมีพลัง – ความสามารถในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทำให้เขาสามารถโน้มน้าวใจและดึงดูดผู้สนับสนุนได้

บทเรียนสำคัญจากความสำเร็จของโดนัลด์ ทรัมป์

เส้นทางสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ในครั้งนี้เต็มไปด้วยการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และความสามารถในการเผชิญความท้าทาย เขาได้พิสูจน์ว่าแม้แนวทางและบุคลิกอาจจะขัดแย้ง แต่การทำให้ตัวเองมีความแตกต่างนั้นสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนบรรลุเป้าหมายได้อย่างดี

เส้นทางจากนักธุรกิจสู่วงการการเมือง สู่ชัยชนะครั้งที่สอง

โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นจากการเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ เขาเป็นที่รู้จักจากความมั่นใจและแนวคิดเชิงรุก รวมถึงการเป็นพิธีกรในรายการ The Apprentice ก่อนที่จะประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2016 ทรัมป์ได้สัญญาว่าจะนำพาอเมริกา “กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” และด้วยแนวทางที่เฉพาะตัว เขาสามารถคว้าชัยชนะในปีนั้นได้ โดยไม่ชนะในคะแนนเสียงรวมแต่ชนะด้วยระบบผู้แทน

ผลงานในตำแหน่งประธานาธิบดีและบทบาทในพรรครีพับลิกัน

ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์มีนโยบายที่เน้นความปลอดภัยชายแดน ลดการรับผู้อพยพผิดกฎหมาย และสร้างกำแพงบริเวณชายแดนเม็กซิโก รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศและปรับลดภาษี ในปี 2020 ทรัมป์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 ทำให้เขาต้องปรับแผนหาเสียงและมาตรการต่าง ๆ แต่ในที่สุดพ่ายแพ้ให้กับ โจ ไบเดน ในปีนั้น

หลังการพ่ายแพ้ ทรัมป์ยังคงครองฐานเสียงแข็งแกร่งในพรรครีพับลิกัน เขากลับมาลงสมัครอีกครั้งในปี 2024 และได้คะแนนเสียงสำคัญในรัฐวิสคอนซิน คว้าคะแนนผู้แทนถึง 267 คะแนน เอาชนะคู่แข่ง คามาลา แฮร์ริส ที่ได้ 224 คะแนน

Comeback สู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง

การกลับมาของทรัมป์ในปี 2024 ถือเป็นการคัมแบ็กทางการเมืองที่ไม่ธรรมดา หลังการพ่ายแพ้สมัยที่สองในปี 2020 ทรัมป์แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเรียกคะแนนเสียงในรัฐสำคัญได้อีกครั้ง พร้อมประกาศชัยชนะครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนที่เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และนโยบายของเขา

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เป็นวันแห่งความสูญเสียของวงการบันเทิงไทย เมื่อ คุณยายบรรเจิดศรี ยมาภัย นักแสดงอาวุโสผู้เป็นที่รัก ได้เสียชีวิตในวัย 100 ปี กำหนดการสวดอภิธรรมจะมีขึ้นที่ศาลา 10 วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เวลา 18.30 น. ตั้งแต่วันที่ 7 – 11 พฤศจิกายน และพิธีฌาปนกิจจะจัดขึ้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 17.00 น.

บทบาทที่โดดเด่นและการเริ่มต้นในวงการบันเทิง

คุณยายบรรเจิดศรีเริ่มต้นอาชีพการแสดงเมื่ออายุประมาณ 50 ปี และมีผลงานในละครดังหลายเรื่อง เช่น ปู่โสมเฝ้าทรัพย์, เคหาสน์สีแดง และ คู่กรรม ที่รับบทเป็นยายของอังศุมาลิน รวมถึงละคร หลงเงาจันทร์ และ ดาวพระศุกร์ ในปี 2537 เธอได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง อำแดงเหมือนกับนายริด ซึ่งทำให้ได้รับรางวัลผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากชมรมวิจารณ์บันเทิง นับเป็นการยืนยันถึงความสามารถและความสำคัญในวงการบันเทิงของเธอ

ความทรงจำและความรักจากครอบครัว

คุณยายบรรเจิดศรี เป็นคุณย่าของ แดนดาว ยมาภัย นักแสดงจากละคร พรหมลิขิต ซึ่งเป็นหลานที่แสดงความอาลัยผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียด้วยข้อความที่อบอุ่น “You are in my heart and you will always be in there forever” ทั้งนี้ บรรเจิดศรียังมีบุตรสองคน คือ อาจารย์ศัลยา สุขะนิวัตติ์ นักเขียนบทละครชื่อดัง และดอน พฤกษ์พยุง นักแสดงชาวไทย การจากไปของคุณยายบรรเจิดศรีเป็นการสิ้นสุดตำนานนักแสดงอาวุโสที่ทิ้งร่องรอยสำคัญให้กับวงการบันเทิงไทย