ประวัติ วันพืชมงคล 2567 ตรงกับวันที่เท่าไหร่ ต้องทำอะไรบ้าง

ในปี 2567 วันพืชมงคล จะจัดขึ้นในวันที่มีความหมายและมีพิธีกรรมที่สำคัญหลายอย่าง เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีไทยและความเชื่อโบราณที่ว่าการทำเกษตรเป็นหน้าที่หลักของคนไทย และพฤกษาเป็นสิ่งมีชีวิตที่คู่ควรแก่การได้รับความเคารพนับถือ

ในปี 2567 วันพืชมงคล จะจัดขึ้นในวันที่มีความหมายและมีพิธีกรรมที่สำคัญหลายอย่าง เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีไทยและความเชื่อโบราณที่ว่าการทำเกษตรเป็นหน้าที่หลักของคนไทย และพฤกษาเป็นสิ่งมีชีวิตที่คู่ควรแก่การได้รับความเคารพนับถือ

วันพืชมงคล คือวันที่กำหนดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีเก่ามาแต่โบราณที่เสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติ เพื่อเป็นการระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรที่มีต่อเศรษฐกิจไทย โดยการจัดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย 

อ่านเพิ่มเติม > ประวัติวันพืชมงคล

วันพืชมงคล 2567 ตรงกับวันที่เท่าไหร่

วันพืชมงคลของปี 2567 นี้ ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 เป็นวันที่สำคัญที่มีประเพณีอันยาวนานในประเทศไทย เพื่อเป็นการฉลองและส่งเสริมการเกษตรกรรมในราชอาณาจักรไทย โดยปกติแล้ว วันพืชมงคลจะถูกจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินไทย ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่เริ่มต้นฤดูฝน ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นปลูกฝัง

วันพืชมงคลต้องทำอะไรบ้าง

พิธีกรรมในวันพืชมงคล มักจะประกอบด้วยการทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพระพุทธเจ้าให้การเกษตรในปีนั้นประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการแสดงความเคารพต่อพระพุทธรูปและพระธรรม การปลูกต้นไม้ เป็นการแสดงถึงการเริ่มต้นฤดูกาลเกษตรกรรมใหม่ และการแจกของขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคล เช่น การแจกเมล็ดพันธุ์หรือต้นไม้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกฝัง

  1. พิธีบวงสรวง – เป็นการแสดงความเคารพและขอพรจากเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปลูกฝัง มักจะมีการจัดพิธีบวงสรวงที่ท้องสนามหลวงหรือสถานที่สำคัญอื่นๆ
  2. การประกอบพิธีรดน้ำดำหัว – เป็นการแสดงความเคารพและขอพรจากผู้ใหญ่ในครอบครัวหรือชุมชน เพื่อความเป็นมงคลในชีวิตและการเกษตรกรรม โดยเฉพาะในชนบทหรือครอบครัวที่ยังคงปฏิบัติตามประเพณีโบราณ
  3. การปลูกต้นไม้ – การปลูกต้นไม้ในวันพืชมงคลเป็นการแสดงถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่และการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปจะมีการปลูกต้นไม้ที่มีความหมายเป็นสิริมงคล เช่น ต้นมะม่วง ต้นกล้วย หรือต้นข้าว
  4. การแจกเมล็ดพันธุ์หรือต้นไม้ – เพื่อส่งเสริมการปลูกฝังและการเกษตร ซึ่งเป็นการกระจายความรู้และส่งเสริมให้กับเกษตรกรในท้องถิ่น เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการปลูกฝังในฤดูกาลต่อไป
  5. การจัดงานเฉลิมฉลองและแสดงความขอบคุณ – ในบางพื้นที่อาจจะมีการจัดงานเลี้ยงหรือการร่วมกันกินอาหารในชุมชน เพื่อฉลองและแสดงความขอบคุณต่อพื้นดินและธรรมชาติที่ให้ผลผลิตกับชุมชน

การฉลองวันพืชมงคลเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความเข้าใจและสานสัมพันธ์ในชุมชน นอกเหนือจากการเป็นพิธีกรรมทางศาสนาและการเกษตรแล้ว ยังเป็นการรวมตัวกันของชุมชนเพื่อสืบสานวัฒนธรรมและความเป็นไทย ที่แสดงออกผ่านการดูแลรักษาพื้นที่เกษตรและธรรมชาติของตนเองให้ยั่งยืน ต่อไป

เช็กเลย วันหยุดเดือนพฤษภาคม 2567

เดือนพฤษภาคม 2567 นี้เต็มไปด้วยวันหยุดที่ช่วยให้คนไทยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากหนีร้อนมาเต็มที่ในเดือนเมษายน อัปเดตล่าสุด วันหยุดเดือนพฤษภาคม 2567

เดือนพฤษภาคม 2567 นี้เต็มไปด้วยวันหยุดที่ช่วยให้คนไทยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากหนีร้อนมาเต็มที่ในเดือนเมษายน อัปเดตล่าสุด วันหยุดเดือนพฤษภาคม 2567

  1. วันหยุดราชการและธนาคาร
    • วันพุธที่ 1 พฤษภาคม: วันแรงงานแห่งชาติ
    • วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม: วันหยุดชดเชยวันฉัตรมงคล
    • วันพุธที่ 22 พฤษภาคม: วันวิสาขบูชา
  2. วันหยุดยาว
    • ช่วงวันเสาร์ที่ 4 ถึงวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม (หยุดยาว 3 วัน)
  3. วันพระในเดือนพฤษภาคม
    • วันพุธที่ 1 พฤษภาคม: แรม 8 ค่ำ เดือน 5
    • วันพุธที่ 15 พฤษภาคม: ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6
    • วันพุธที่ 22 พฤษภาคม: ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
  4. วันจ่ายเงินสวัสดิการต่างๆ
    • เงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำ: วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคมและวันอังคารที่ 28 พฤษภาคม
    • เงินบำนาญรายเดือน: วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม
    • เงินอุดหนุนบุตรและเบี้ยผู้สูงอายุ: วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม
    • เงินสงเคราะห์บุตร: วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม

รู้จัก ประวัติวันสงกรานต์ ของไทย 13-15 เมษายนของทุกปี

เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลที่สำคัญและเป็นที่รักของชาวไทย ซึ่งมีที่มาและความหมายที่ลึกซึ้ง มีประวัติยาวนานที่ผสมผสานระหว่างประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ

เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลที่สำคัญและเป็นที่รักของชาวไทย ซึ่งมีที่มาและความหมายที่ลึกซึ้ง มีประวัติยาวนานที่ผสมผสานระหว่างประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ

สงกรานต์มีความหมายว่า “การเคลื่อนย้าย” หรือ “การผ่านพ้น” ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนย้ายของอาทิตย์จากซอยหนึ่งไปยังอีกซอยหนึ่งในราศีจักรราศี ตามคติโหราศาสตร์แบบอินเดีย

การฉลองสงกรานต์จึงไม่ใช่เพียงการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการฉลองการเริ่มต้นของฤดูกาลใหม่ที่มีความหมายต่อการเกษตร ซึ่งเป็นพื้นฐานของวิถีชีวิตและเศรษฐกิจไทยในอดีต

ในอดีต วันสงกรานต์ถูกคำนวณอย่างละเอียดตามปฏิทินจันทรคติและโหราศาสตร์ และเนื่องจากการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ วันที่จัดฉลองจึงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี

แต่ในปัจจุบัน รัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันที่ 13-15 เมษายนของทุกปีเป็นวันหยุดราชการเพื่อฉลองเทศกาลสงกรานต์ โดยมีกิจกรรมหลากหลายทั้งในด้านพิธีกรรมและการเฉลิมฉลอง สะท้อนถึงความเป็นไทยที่ผสานความเคารพต่อผู้มีพระคุณ เช่น การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เพื่อขอพรและแสดงความเคารพ และการสนุกสนานด้วยการเล่นน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการล้างออกของสิ่งไม่ดีและการต้อนรับสิ่งใหม่ที่ดีกว่า

คำอวยพรสงกรานต์ 2567

April Fools’ Day คือวันอะไร รู้จักประวัติวันโกหกโลก

วันที่ 1 เมษายนของทุกปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ April Fools’ Day นับเป็นวันที่ทั่วโลกยอมรับกันในฐานะ “วันโกหกโลก” หรือ “วันเมษาหน้าโง่”

วันที่ 1 เมษายนของทุกปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ April Fools’ Day นับเป็นวันที่ทั่วโลกยอมรับกันในฐานะ “วันโกหกโลก” หรือ “วันเมษาหน้าโง่” ตามประเพณีนี้ สื่อต่างๆ ทั่วโลกจะสร้างสรรค์ข่าวหรือเรื่องราวที่ไม่จริง เพื่อหวังว่าจะหลอกลวงผู้คนให้เชื่อและสร้างความบันเทิง

ในวันนี้ เป็นวันที่ความสนุกสนานและการเล่นแกล้งกันเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข่าวที่แปลกประหลาดหรือการแกล้งกันอย่างมีสไตล์เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของวันนี้ โดยหลังจากที่ข่าวหรือเรื่องราวเหล่านั้นถูกเปิดเผยแล้ว จะมีการเฉลยว่าเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น

ประวัติ วันโกหกโลก

ต้นกำเนิดของ April Fools’ Day ถูกกล่าวขานกันว่ามีมาตั้งแต่ยุคโรมัน โดยมีการจัดเทศกาลฮิลาเรียในวันที่ 25 มีนาคม และเทศกาลคนโง่ในยุโรปสมัยยุคกลางเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม หลายประเทศในยุโรปเช่นกรีซและฝรั่งเศสก็มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเล่นแกล้งหรือการโกหกกันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 19 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมของการโกหกและเล่นแกล้งกันเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีทางสังคมมาอย่างยาวนาน

หนึ่งในบันทึกโบราณที่เชื่อมโยงกับ April Fools’ Day คือในตำนานแคนเทอร์บรีของชอเซอร์ในค.ศ. 1392 ที่มีการเขียนถึงการคัดลอกผิดพลาดเกี่ยวกับวันที่ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าวันที่ 1 เมษายนเป็นวันแห่งการโกหก อีกตำนานหนึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จาก 1 เมษายนไปเป็น 1 มกราคม ในช่วงศตวรรษที่ 16 ทำให้ผู้ที่ยังฉลองในวันเดิมถูกเรียกว่า “พวกเมษาหน้าโง่” และถูกแกล้งด้วยเรื่องโกหกต่างๆ

ตัวอย่าง April Fools’ Day

เรื่องราวโกหกที่โด่งดังในอดีต เช่น ข่าวเกี่ยวกับเส้นพาสตาที่งอกจากต้นไม้ หรือนาฬิกาบิ๊กเบนที่จะเปลี่ยนเป็นแสดงผลดิจิทัล ถูกสื่อใหญ่นำเสนอและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้คน เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันวัฒนธรรมของการเล่นแกล้งในวันเมษาหน้าโง่ แต่ยังช่วยสร้างความครื้นเครงและประสานสัมพันธ์ทางสังคมผ่านการแบ่งปันความสนุกสนานและการหลอกลวงกันอย่างเป็นมิตร ในยุคสมัยนี้ การเฉลิมฉลองวันเมษาหน้าโง่ยังคงเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งในแวดวงสื่อและในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป นำเสนอโอกาสในการหัวเราะเยาะและเล่นแกล้งกันอย่างมีสไตล์ เพื่อความสนุกสนานและการสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอคนเก่งของ AIS แต่งงานแล้ว

สร้างความฮือฮาในวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและวงการสื่อสารมวลชนเมื่อ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS

สร้างความฮือฮาในวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและวงการสื่อสารมวลชนเมื่อ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ได้เข้าพิธีวิวาห์ในวัย 62 ปีกับเจ้าสาวแสนสวย “แพร-กุณฑิฏา ชาติสมบูรณ์ชัย” หนึ่งใน AIS SMART GEN ปี 2018

งานนี้จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการส่งการ์ดเชิญในวงจำกัดจนถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะผ่านสื่อสังคมโซเชียลมีเดีย

ประวัติ สมชัย เลิศสุทธิวงค์

วันหยุดเดือนเมษายน 2567 ลายังไงให้ได้วันหยุดเยอะ

เมื่อพูดถึง วันหยุดเดือนเมษายน 2567 ของทุกปี หลายคนมักนึกถึงช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและการเฉลิมฉลองที่มีมากมายในปฏิทิน โดยเฉพาะในปี 2567 นี้

เมื่อพูดถึง วันหยุดเดือนเมษายน 2567 ของทุกปี หลายคนมักนึกถึงช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและการเฉลิมฉลองที่มีมากมายในปฏิทิน โดยเฉพาะในปี 2567 นี้

วันหยุดเดือนเมษายน 2567 วันหยุดมีดังนี้

  • วันศุกร์ที่ 12 เมษายน: วันหยุดชดเชยวันสงกรานต์
  • วันเสาร์ที่ 13 – วันอังคารที่ 16 เมษายน: วันสงกรานต์

หากต้องการวันหยุดเยอะ ๆ สามารถลาเพิ่มดังนี้

  • ลาเพิ่ม 3 วัน:
    • วันอังคารที่ 9 – วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน
    • จะได้หยุดยาว 11 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 – วันอังคารที่ 16 เมษายน
  • ลาเพิ่ม 2 วัน:
    • วันจันทร์ที่ 10 – วันอังคารที่ 11 เมษายน
    • จะได้หยุดยาว 9 วัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 12 – วันอังคารที่ 16 เมษายน
  • ลาเพิ่ม 1 วัน:
    • วันจันทร์ที่ 10 เมษายน
    • จะได้หยุดยาว 8 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 – วันอังคารที่ 16 เมษายน

วันหยุด 2567 หยุดวันไหนบ้าง

ปฏิทินวันหยุดราชการมีการกำหนดโดยคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยวันหยุดราชการตามปฏิทินไทยและวันหยุดราชการตามปฏิทินสากล

ปฏิทินวันหยุดราชการมีการกำหนดโดยคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยวันหยุดราชการตามปฏิทินไทยและวันหยุดราชการตามปฏิทินสากล

ปี 2567 มีวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคารที่น่าสนใจหลายวัน ตั้งแต่เริ่มต้นปีจนถึงสิ้นปี หยุดทั้งหมดหลายครั้งเพื่อเฉลิมฉลองวันสำคัญต่างๆ และให้โอกาสสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ สำคัญๆ มีดังนี้

อัปเดตวันหยุด 2567

  • เดือนเมษายน เป็นเดือนที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันเนื่องจากวันสงกรานต์ (13-15 เมษายน) และมีวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ในวันที่ 16 เมษายน​​​​
  • เดือนพฤษภาคม มีวันหยุดที่สำคัญ เช่น วันแรงงานแห่งชาติ (1 พฤษภาคม), วันฉัตรมงคล (4 พฤษภาคม) และวันวิสาขบูชา (22 พฤษภาคม)​​​​
  • เดือนกรกฎาคม มีวันหยุดเนื่องจากวันอาสาฬหบูชา (20 กรกฎาคม) และวันเข้าพรรษา (21 กรกฎาคม) พร้อมด้วยวันหยุดชดเชยในวันที่ 22 กรกฎาคม​​​​
  • เดือนตุลาคม เฉลิมฉลองวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดช (13 ตุลาคม) และมีวันหยุดชดเชยในวันที่ 14 ตุลาคม​​​​
  • เดือนธันวาคม ปิดท้ายปีด้วยวันพ่อแห่งชาติ (5 ธันวาคม), วันรัฐธรรมนูญ (10 ธันวาคม), และวันสิ้นปี (31 ธันวาคม)​​​​​​

นอกจากนี้ยังมี วันหยุด 2567 เพิ่มเติมในวันที่ 12 เมษายนและวันที่ 30 ธันวาคมเป็นกรณีพิเศษ​​. การรู้วันหยุดเหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการทำงานและกิจกรรมส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่

ทำไม ? ร่างกายถึงยังได้รับ ‘แคลเซียม’ ไม่เพียงพอเสียที

ทำไม ? ร่างกายถึงยังได้รับ 'แคลเซียม' ไม่เพียงพอเสียที

แคลเซียม นั้นเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ แต่ด้วยความที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียลขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องรับมาจากอาหาร ย่อยและดูดซึมผ่านลำไส้เล็ก ซึ่งการดูดซึมแคลเซียมของเด็กและผู้ใหญ่ ร่างกายจะดูดซึมได้ประมาณ 20 – 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือก็จะถูกขับถ่ายทิ้งไป วันนี้เราจะทำความรู้จักกับเจ้าแคลเซียมให้มากขึ้น พร้อมทั้งหาสาเหตุว่าทำไม ร่างกายของเราจึงยังได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอเสียที

‘แคลเซียม’ นั้นสำคัญอย่างไร ?

แคลเซียม นอกจากจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูกและฟันแล้ว แร่ธาตุตัวนี้ยังมีหน้าที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยให้เลือดแข็งตัว เสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ และช่วยควบคุมสมดุลของกรด – ด่างในร่างกายอีกด้วย หากร่างกายของเราขาดแคลเซียมไป ยิ่งเป็นวัยเด็ก ก็จะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน ทำให้การเจริญเติบโตของกระดูกผิดปกติ หากขาดแคลเซียมในผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ก็จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของโรคกระดูกเสื่อม ยิ่งไปกว่านั้น หากร่างกายของเราขาดแคลเซียมอย่างรุนแรง ก็อาจก่อให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง กระตุกและชัก ฉะนั้น จึงควรหันมาบำรุงและเติมแคลเซียมในปริมาณที่ร่างกายต้องการอยู่สม่ำเสมอ แล้วไม่ลืมที่จะออกกำลังกายเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงอยู่เป็นประจำก็จะยิ่งดี

ร่างกายควรได้รับ ‘แคลเซียม’ ในปริมาณเท่าไหร่ ?

ร่างกายของเราควรได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมของแต่ละช่วงวัย โดยมีปริมาณที่ไม่เท่ากัน

  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 – 50 ปี ควรได้รับแคลเซียมในปริมาณ 800 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียมในปริมาณ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ควรได้รับแคลเซียมในปริมาณ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน

ปัจจัยใดที่ทำให้ร่างกายได้รับ ‘แคลเซียม’ ที่ไม่เพียงพอ ?

  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากจนเกินไป
  • ดื่มกาแฟในปริมาณมากๆ
  • ได้รับแคลเซียมผ่านทางอาหารไม่เพียงพอ
  • ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในหญิงวัยหมดประจำเดือน
  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน หรือเคยกระดูกหักมาก่อน

จะรับ ‘แคลเซียม’ ได้อย่างเพียงพอต้องทำยังไง ?

ในอาหารที่เรากินกันอยู่ปกติ บางอย่างก็อุดมไปด้วยแคลเซียมโดยที่ไม่ต้องไปถึงการกินอาหารเสริม อย่าง กะปิ , กุ้งแห้ง , งาดำ , ปลา หรือสัตว์น้ำขนาดเล็กที่สามารถกินได้ทั้งตัว , นม ผลิตภัณฑ์จากนม , เต้าหู้ , พืชตระกูลถั่ว ผลิตภัณฑ์จากถั่ว ไปจนถึงตำลึง , พริก , กระถิน , ใบยอ , โหระพา , กะเพรา , กระเจี๊ยบ , ผักกวางตุ้ง , คะน้า , ผักกาดเขียว ซึ่งการเลือกกินนั้นให้กินในปริมาณที่เหมาะสม อีกทั้งแนะนำให้ออกกำลังกายเพิ่มเติมในช่วงเวลา 7 โมง ถึง 9 โมงเช้า  เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดด เป็นวิตามินที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนั้น หากมีความจำเป็นที่จะต้องกินแคลเซียมเพิ่มเติม ก็ควรไปขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรไปหาแคลเซียมมากินเอง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของเรา

อยากหัด ‘เวทเทรนนิง’ ต้องเริ่มต้นยังไงบ้าง ?

อยากหัด 'เวทเทรนนิง' ต้องเริ่มต้นยังไงบ้าง ?

คนในยุคสมัยนี้ต่างหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเอง ยิ่งใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่ต้องเร่งรีบ การดูแลจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อไม่ให้ต้องเจ็บป่วยจนล้มหมอนนอนเสื่อ หากจะหันมาควบคุมเรื่องของอาหารการกินก็เห็นจะยาก เพราะการทำงานในแต่ละวันที่ยาวนาน ทำให้ร่างกายต้องการอาหารดีๆ เพื่อเติมเต็มพลังงานสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ ฉะนั้น การออกกำลังกายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่ง

การออกกำลังกายของผู้คนที่อยู่ในเมืองมีอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งอยู่ในสวนยามเช้า หรือการหากีฬาสนุกๆ เล่นกับเพื่อนๆ หลังเลิกงาน หรือหากใครที่อยากให้ร่างกายดูสมส่วนขึ้นมาหน่อย ก็หันมาลองเวทเทรนนิง เรียกได้ว่าตอนนี้กลายเป็นการออกกำลังยอดนิยมของหนุ่มๆ เชียวล่ะ

การออกกำลังกายด้วยวิธีเวทเทรนนิง หรือการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าให้ประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เพราะเมื่อเราแก่ตัวมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อและความหนาแน่นของมวลกระดูกก็จะลดน้อยถอยไป การเล่นเวทเทรนนิงจึงเป็นการช่วยลดการสูญเสียนั้นได้ ลองคิดภาพตามดูว่า หากเราไม่ออกกำลังกายเลย เอาแต่ทำงาน กิน นอน กล้ามเนื้อจะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยไขมัน แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มออกกำลังกาย ได้ออกแรงแขน ขา หรือมีการขยับเขยื้อน ไขมันนั้นก็จะเปลี่ยนกล้ามเนื้อ ร่างกายของเราก็จะค่อยๆ ดูดีขึ้น

ได้เวลาเริ่มต้นออกกำลังกาย !

ขอแนะนำเอาไว้ก่อนว่า หากหนุ่มๆ คนไหนที่เป็นมือใหม่เพิ่งจะเริ่มออกกำลังกาย ก็ควรมีที่ปรึกษาแบบมืออาชีพ เพื่อให้การออกกำลังกายเป็นไปด้วยความปลอดภัยและถูกต้อง จะได้ไม่เกิดอาการบาดเจ็บหลังออกกำลังกาย อย่าไปกลัวนะ การเป็นคนไม่รู้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะขนาดคนที่อยู่ในแวดวงการออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน ก็อาจเกิดความไม่เข้าใจเกี่ยวกับท่าทางในการออกกำลังกายจนเกิดความผิดพลาดได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้อะไรให้ถาม

ส่วนเรื่องการออกกำลังกายในยิม ขอให้เลิกความคิดที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาด เนื่องจากเราเพิ่งเริ่มต้น หากอยากเริ่มเล่นเวทเทรนนิง ก็ให้เลือกยกจากน้ำหนักเบาๆ ประมาณ 4.5 กิโลกรัมก่อน ต่อจากนั้นเมื่อร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้นจึงค่อยเพิ่มน้ำหนักเข้าไป ท่าที่ใช้ในการเวทเทรนนิงก็ได้แก่ Barbell Squat, Barbell Row, Bench Press, Shoulder Press, Barbell Curl และท่า Crunch ส่วนจำนวนครั้งที่ใช้ในการยกให้นับ 14 – 15 ครั้งเป็น 1 เซต มือใหม่ให้ซ้อมยก 2 – 3 เซตก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ต้องออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน ?

เรื่องความถี่ในการออกกำลังกายนั้นไม่ได้มีกำหนดไว้แน่นอนตายตัว ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณผู้ชายเป็นหลัก แต่จากคำแนะนำของ American College of Sports Medicine ได้บอกเอาไว้ว่า ควรออกกำลังกายด้วยเวทเทรนนิงประมาณ 2 – 3 ต่อสัปดาห์ ระยะเวลาต่อครั้งประมาณ 30 นาที ที่สำคัญ จะต้องเฉลี่ยเวลาในการฝึกกล้ามเนื้อแต่ละส่วนของร่างกายให้เท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อหน้าอก, กล้ามเนื้อหลัง, กล้ามเนื้อแขน และกล้ามเนื้อขา เพื่อให้เกิดความสมดุล