ไขปริศนาการตาย “หมอเก่ง” หลังพบกินสารพิษ “เกลือทอง”

จากการตรวจสอบในถังขยะที่หอพัก พบซอง “เกลือทอง” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการลอกทองคำ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารพิษรุนแรง ส่งผลให้ “หมอเก่ง” มีอาการเลือดแข็งตัวและไตวาย

การหายตัวไปของ “หมอเก่ง” และการพบศพ

จากกรณีที่เพจ รพ.สต.หนองชิ่ม โพสต์ประกาศตามหา “หมอเก่ง” เจ้าหน้าที่ รพ.สต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง หลังหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2567 และไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมามีรายงานว่า “หมอเก่ง” ถูกพบตัวอยู่กับแฟนหนุ่มในห้องเช่าแห่งหนึ่งในชอยประชานิเวศน์ 38 แยก 11 โดยยืนยันว่า สมัครใจมาและไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย แต่ในเวลาต่อมา “หมอเก่ง” ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในที่สุด

การสอบสวนและข้อมูลเพิ่มเติมจากแฟนหนุ่ม

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากการสอบปากคำ นายชัยพร หรือ นายยู เพื่อนชายคนสนิทของ “หมอเก่ง” โดยเปิดเผยว่า ทั้งสองคนได้ตกลงกันว่าจะฆ่าตัวตายพร้อมกัน โดยใช้สารพิษที่เรียกว่า เกลือทองหรือโปแตสเซียมไซยาไนด์ นายยูได้สั่งซื้อเกลือทองมาเอง และทั้งสองคนได้กินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่จะดื่มน้ำที่มีสารพิษผสมอยู่

เกลือทอง และสาเหตุการเสียชีวิต

จากการตรวจสอบในถังขยะที่หอพัก พบซอง “เกลือทอง” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการลอกทองคำ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารพิษรุนแรง ส่งผลให้ “หมอเก่ง” มีอาการเลือดแข็งตัวและไตวาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการชันสูตรและยืนยันว่าอาการที่พบสอดคล้องกับการได้รับสารพิษ

สถานะทางกฎหมายและการสอบสวนเพิ่มเติม

ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหากับนายยู เนื่องจากต้องสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมหลักฐานว่านายยูมีส่วนทำให้ “หมอเก่ง” เสียชีวิตหรือไม่ และการกระทำร่วมกันกินสารพิษนี้มีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ การสอบสวนจะดำเนินต่อไปเพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.

จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยคำสั่งดังกล่าวได้ถูกยืนยันว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนด

สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ก.พ.ค.ตร. ได้มีมติว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง โดยระบุว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 140 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ บิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567

แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการรับรองจากสมาชิกสภาฯ จำนวน 291 คน ซึ่งเกินกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด

นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการรับรองจากสมาชิกสภาฯ จำนวน 291 คน ซึ่งเกินกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด ไม่มีผู้ใดเสนอชื่อชิงตำแหน่งเพิ่มเติม ทำให้น.ส.แพทองธารเป็นผู้เดียวที่ได้รับการเสนอชื่อ

การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจัดขึ้นโดยการขานชื่อลงคะแนนทีละคน ผลการลงคะแนนปรากฏว่า แพทองธาร ได้รับเสียง “เห็นชอบ” 319 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาฯ ที่มีอยู่ ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเปิดบทใหม่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสมาชิกสภาฯ ซึ่งคาดหวังว่าเธอจะนำพาประเทศไทยสู่ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต

ทรัพย์สิน แพทองธาร ชินวัตร

เศรษฐา พ้นเก้าอี้นายก แล้วยังไงต่อ ใครเป็นนายกแทน

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สถานการณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้นายเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งทันที และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน

แฮชแท็กและการถกเถียงในโลกออนไลน์

หลังคำวินิจฉัยของศาล แฮชแท็ก #เศรษฐาทวีสิน และ #ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พุ่งขึ้นติดเทรนด์ฮิตอันดับ 1 และ 2 ในประเทศไทย ตามลำดับ โดยประชาชนต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตของการเมืองไทย และจับตาดูว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่นายเศรษฐาได้ริเริ่มว่าจะถูกยกเลิกหรือไม่

ทางเลือกหลังการพ้นตำแหน่งของนายเศรษฐา

จากสถานการณ์นี้ คณะรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งนำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 มีทางเลือก 2 ทาง

  1. ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่: หากคณะรัฐมนตรีรักษาการตัดสินใจยุบสภา จะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด โดย กกต. จะเป็นผู้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งใหม่
  2. ไม่ยุบสภาและเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่: หากไม่ยุบสภา สภาผู้แทนราษฎรจะดำเนินการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากแคนดิเดตในบัญชีที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ต่อ กกต.

รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ปัจจุบันมี 7 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในบัญชีของพรรคการเมือง ซึ่งประกอบด้วย

ความกังวลเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือชะตากรรมของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นโครงการที่นายเศรษฐาได้ริเริ่มขึ้น หลายคนกังวลว่าโครงการนี้อาจถูกยกเลิกหรือหยุดชะงักภายหลังการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี

บทสรุป

ในช่วงเวลานี้ สังคมต่างจับตาดูการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และการดำเนินนโยบายสำคัญต่าง ๆ ที่จะมีผลกระทบต่ออนาคตของประเทศ

เศรษฐา พ้นเก้าอี้นายก

แคนดิเดตนายก หลังเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่ง

รายชื่อแคนดิเดตนายก หลังเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามมาตรา 167

หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามมาตรา 167 วรรคหนึ่ง และต้องสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากบัญชีของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 หรือ 25 คน ปัจจุบันมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลดังนี้

รายชื่อแคนดิเดตนายก

  1. พรรคเพื่อไทย (141 เสียง)
    • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    • นายชัยเกษม นิติสิริ
  2. พรรคภูมิใจไทย (71 เสียง)
    • นายอนุทิน ชาญวีรกูล
  3. พรรคพลังประชารัฐ (40 เสียง)
    • พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
  4. พรรครวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง)
    • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาพ
  5. พรรคประชาธิปัตย์ (25 เสียง)
    • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ขั้นตอนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

ความสำคัญของการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ โดยแคนดิเดตจากทั้ง 5 พรรคการเมืองใหญ่ในครั้งนี้จะเป็นตัวแทนที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและการบริหารประเทศในอนาคต

เศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่ง พร้อมคณะรัฐมนตรี

ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นเศรษฐา ทวีสิน

วันนี้ (14 ส.ค. 2567) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยศาลเห็นว่านายเศรษฐาทราบหรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิต ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ถือเป็นการปฏิบัติที่มิชอบตามรัฐธรรมนูญ และฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ประเด็น เศรษฐา ทวีสิน ที่นำมาสู่คำวินิจฉัย

สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คนได้ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุก 6 เดือนในคดีละเมิดอำนาจศาล และถูกมองว่าเป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต ส่งผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน สิ้นสุดลง

ผลกระทบจากคำวินิจฉัย

จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้ ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีของนายเศรษฐาทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คำวินิจฉัยนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตและเป็นที่ประจักษ์ตามมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ความเป็นมา

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติและพฤติกรรมในอดีตของนายพิชิต ทั้งนี้ รัฐบาลได้สอบถามไปยังสำนักงานกฤษฎีกาและได้รับคำยืนยันว่าสามารถแต่งตั้งได้ แต่ในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการขาดความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เหมาะสม

เหตุการณ์นี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาคุณสมบัติและจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจแต่งตั้งบุคคลในคณะรัฐมนตรี

พาทัวร์บ้านพุ่มพวง ดวงจันทร์ คอหวยตาลุกวาว เลขเด็ดมาเต็ม!

ราชินีลูกทุ่งในตำนาน “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่ล่าสุดเพชรได้พาแฟนๆ ไปเยี่ยมชมบ้านคุณแม่ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ผ่านช่องทางติ๊กต๊อก

เปิดบ้าน “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ครั้งแรก 

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่สร้างความประทับใจและคอนเทนต์ดีๆ ให้แฟนคลับได้ติดตามกันอยู่เสมอ สำหรับ “เพชร พุ่มพวง” ทายาทคนเก่งของราชินีลูกทุ่งในตำนาน “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่ล่าสุดเพชรได้พาแฟนๆ ไปเยี่ยมชมบ้านคุณแม่ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ผ่านช่องทางติ๊กต๊อก

บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ที่ “พ่อไกรสร” พักอาศัยและดูแลอย่างดี แม้ว่าข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ จะยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ต้นไม้ หรือโต๊ะทานข้าว หลายมุมภายในบ้านเต็มไปด้วยความทรงจำ รวมถึงภาพถ่ายของ “แม่ผึ้ง พุ่มพวง” ที่ถูกติดตามมุมต่างๆ ของบ้าน เรียกได้ว่าเอ็กซ์คูลซีฟสุดๆ สำหรับแฟนเพลงที่รักและคิดถึงแม่ผึ้ง

เลขเด็ดจากบ้าน แม่ผึ้ง 199 / 529 แฟนหวยไม่พลาด!

และที่ไม่ทำให้เหล่าคอหวยผิดหวัง คือการถ่ายซูมเลขที่บ้านอย่างชัดเจน เป็นเลข 199 / 529 ทำเอาหลายคนหยิบปากกาจดเลขเด็ดไปเสี่ยงโชคในงวดวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ที่จะถึงนี้

ทำบุญวันเกิด พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่วัดสันทรายมูล ความทรงจำที่ไม่มีวันลืม

ในขณะเดียวกัน เพชรยังได้พวงมาลัยไปไหว้หุ่นขี้ผึ้งของแม่ผึ้งที่วัดภาษี เอกมัย ในวันแม่ปีนี้ พร้อมโพสต์ภาพและแคปชั่นสุดซึ้งที่บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาคอมเมนต์ชื่นใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพชรและพ่อไกรสร ยังได้ไปทำบุญครบรอบวันเกิดของแม่ผึ้งที่วัดสันทรายมูล จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมโพสต์ภาพที่บอกว่าหากแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะมีอายุครบ 63 ปีในปีนี้ การทำบุญครั้งนี้เป็นการสานต่อความรักและความทรงจำที่เพชรมีต่อแม่ผึ้งอยู่เสมอ

คอหวยแห่ตีเลขเด็ด งานทำบุญวันเกิด พุ่มพวง ดวงจันทร์

ไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศวันเกิดของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นและศรัทธา น้องสาวของแม่ผึ้ง นำโดย “โอ่ง สลักจิต” และ “ไก่ จันทร์จวง” ได้ร่วมกันจัดงานทำบุญที่วัดทับกระดาน จังหวัดสุพรรณบุรี มีแฟนเพลงและนักเสี่ยงโชคมาร่วมงานกันคับคั่ง

ภายในงานมีเค้กทั้งหมด 13 ก้อนวางอยู่ครบทุกหุ่นของแม่ผึ้ง แต่เค้กก้อนหลักที่เป็นไฮไลต์ในปีนี้คือเค้ก 2 ชั้นที่ปั้นเป็นรูปแม่ผึ้งสวมชุดลายเสือดาว ท่ามกลางดอกกุหลาบสีแดงและผึ้งตัวน้อย พร้อมเทียนเลข 63 ที่ปักอย่างสวยงาม

ตำรวจหญิง และลูกสาว เสียชีวิตในบ้าน คาดเกิดจากโซดาไฟ

ศูนย์พิษวิทยาศิริราช ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของโซดาไฟ หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงและสามารถปล่อยก๊าซพิษต่างๆ

เหตุการณ์เศร้าสลด

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เกิดเหตุสลดที่บ้านพักในตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เมื่อพบผู้เสียชีวิต 3 รายภายในบ้าน โดยทั้งหมดเป็นผู้หญิง ซึ่งรวมถึง ร.ต.อ.(หญิง) อนัญญา อายุ 60 ปี รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี และลูกสาวทั้งสองคน คือ น.ส.จิตรพิสุทธิ์ อายุ 34 ปี และ น.ส.ปัณณิกา อายุ 25 ปี ภายในบ้านยังพบขวด สารเคมีน้ำยาล้างท่ออุดตัน หรือ โซดาไฟ ตกอยู่

การตรวจสอบและสาเหตุที่เป็นไปได้

พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รอง ผบช.ภ. 2 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบสารเคมีโซดาไฟซึ่งเป็นสารที่อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตทั้งสามราย โดยขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบเพิ่มเติมและยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง

อันตรายจากการใช้โซดาไฟ

ศูนย์พิษวิทยาศิริราช ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของโซดาไฟ หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงและสามารถปล่อยก๊าซพิษต่างๆ ได้เมื่อเกิดปฏิกิริยากับสารเคมีอื่น การใช้โซดาไฟในพื้นที่ที่ไม่มีการระบายอากาศที่ดีอาจทำให้เกิดการสะสมของก๊าซพิษและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้

ข้อควรระวังในการใช้โซดาไฟ

ศูนย์พิษวิทยาศิริราชแนะนำวิธีการใช้โซดาไฟอย่างปลอดภัย:

  1. ระบายอากาศ: ควรแน่ใจว่ามีการไหลเวียนของอากาศที่ดีโดยเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมระบายอากาศ
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสและการสูดดม: สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตานิรภัย และหน้ากากเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
  3. ไม่ควรผสมสารเคมีหลายชนิด: ห้ามผสมโซดาไฟกับสารเคมีอื่นที่มีฤทธิ์ต่างกัน เช่น น้ำยาฟอกขาวหรือแอมโมเนีย
  4. เก็บรักษาอย่างระมัดระวัง: เก็บโซดาไฟในที่เย็นและแห้ง ห่างจากสารเคมีอื่นๆ และพ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ความคืบหน้าของการสืบสวน

เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า แม่ผู้เสียชีวิตได้ขอให้ไปซื้อโซดาไฟมาใช้ล้างท่อที่อุดตันในห้องน้ำ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากการสูดดมสารเคมีดังกล่าวในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี ตำรวจและเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

วิกฤตชามตราไก่ จีนทุ่ม ทำขายใบละ 5 บาท กระทบไทยหนัก

ชามตราไก่ ที่เป็นสินค้า GI ของจังหวัดลำปาง ชามตราไก่จากประเทศจีนได้เข้ามาทุ่มตลาดในไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

สถานการณ์ชามตราไก่ 

นายปรีชา ศรีมาลา นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่วิกฤตหนักในอุตสาหกรรมเซรามิกของไทย โดยเฉพาะ ชามตราไก่ ที่เป็นสินค้า GI ของจังหวัดลำปาง ชามตราไก่จากประเทศจีนได้เข้ามาทุ่มตลาดในไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยขายในราคาถูกเพียงใบละ 5 บาท ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการเซรามิกลำปาง

ผลกระทบต่อผู้ประกอบการเซรามิกในลำปาง

จากสถานการณ์นี้ ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กในจังหวัดลำปางที่เคยมีมากกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดกิจการไปกว่า 200 โรงงาน เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนที่เข้ามาในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของไทยได้ นายปรีชาได้ระบุว่า แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการในจังหวัด แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และหากรัฐบาลไม่เข้ามาแก้ไขปัญหา อุตสาหกรรมเซรามิกลำปาง ชามตราไก่ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอาจสูญพันธุ์ได้

การชี้แจงจากประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมลำปาง

นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อชี้แจง 7 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชามตราไก่ลำปางและปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

  1. ลายไก่ของชามตราไก่เดิมมาจากประเทศจีนและถูกนำมาผลิตที่ลำปางโดยชาวจีนที่มาตั้งรกราก
  2. ชามไก่จีนใช้รูปลอกเซรามิกในการผลิตแทนการเขียนลายด้วยมือเหมือนในลำปาง
  3. ชามไก่จีนใบละ 5 บาทเป็นสินค้าที่มีตำหนิและเน้นขายถูกเพื่อดึงดูดลูกค้า
  4. เซรามิกลำปางประสบปัญหายิ่งขายยิ่งถูกและคุณภาพยิ่งต่ำ เนื่องจากแข่งขันกันภายในประเทศ
  5. สินค้าจีนอาจมีปัญหาเรื่องสารพิษในบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
  6. ตั้งแต่มกราคม – พฤษภาคม 2567 มีการนำเข้าเซรามิกจากจีนมากกว่า 3,000 ตันในราคาเฉลี่ย 8.96 บาทต่อกิโลกรัม
  7. การนำเข้าเซรามิกจากจีนอาจมีปริมาณมากกว่าที่แสดงในพิธีการศุลกากรถึง 2-3 เท่า

ทั้งนี้ นายอธิภูมิ ยังระบุว่าปัญหานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความท้าทายที่เซรามิกลำปางต้องเผชิญ และเตรียมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายละเอียดอื่น ๆ ในอนาคต

ความต้องการการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

นายปรีชา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะหากยังปล่อยให้จีนเข้ามาตีตลาดโดยไม่มีการควบคุม จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซรามิกของไทย ชามตราไก่ เป็นอย่างมาก ซึ่งอาจเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9-0 ยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิกก.บห. 10 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง สั่งยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

การตัดสินยุบพรรคก้าวไกล

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง สั่งยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย การตัดสินครั้งนี้เป็นผลมาจากคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีมติเอกฉันท์เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี

ผลกระทบต่อกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิ์ของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 – 31 มกราคม 2567 ซึ่งรวมถึงกรรมการบริหารพรรคทั้งสองยุค โดยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง

ปฏิกิริยาจากสหรัฐอเมริกา

ล่าสุด สถานทูตสหรัฐและสถานกงสุลในประเทศไทยได้เผยแพร่แถลงการณ์โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แมทธิว มิลเลอร์ เกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกล ระบุว่า

“สหรัฐอเมริกามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยในวันนี้ ซึ่งมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำพรรค 11 คน”

แถลงการณ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า

  • คำตัดสินนี้ลิดรอนสิทธิ์ของชาวไทยกว่า 14 ล้านคนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
  • คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเสี่ยงต่อการบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และขัดกับความปรารถนาของชาวไทยต่ออนาคตที่มั่นคงและเป็นประชาธิปไตย
  • การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนโดยทั่วถึงเสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาบันระดับชาติที่เข้มแข็ง
  • สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใด แต่ในฐานะพันธมิตรและมิตรใกล้ชิดที่มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นยาวนาน เรียกร้องให้ไทยดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง และเพื่อปกป้องประชาธิปไตย รวมถึงเสรีภาพในการสมาคมและการแสดงออก

การยุบพรรคก้าวไกล และการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลเป็นการกระทำที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการเมืองไทย และได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในประเทศและจากนานาชาติ