ดราม่า นายก ใช้ iPad อ่านสคริปต์ ระหว่างประชุมผู้นำ ACD

ข่าวการเมืองวันนี้ ในท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการลดอคติและเปิดใจในการรับฟังและเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านี้

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อมีภาพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก้มหน้าอ่าน iPad ระหว่างการพบหารือกับ นายมัสอูด เปเซชกียาน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ในการประชุมผู้นำ Asia Cooperation Dialogue (ACD) ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ จนมีชาวเน็ตบางคนวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบว่า การอ่านจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมและสร้างความอับอายให้กับประเทศ

การตอบกลับดราม่า นายก และการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี

ข่าวการเมือง นายกฯ แพทองธาร ไม่ปล่อยให้ประเด็นนี้คาราคาซัง โดยเธอได้ตอบกลับคอมเมนต์ดังกล่าวผ่านสื่อออนไลน์ด้วยการชี้แจงว่า การอ่านจาก iPad เป็นเรื่องปกติในการประชุมระดับโลก ซึ่งผู้นำหลายประเทศก็ทำเช่นเดียวกัน เนื่องจากการประชุมเหล่านี้เป็นการตกลงในข้อตกลงที่ต้องมีความแม่นยำและเป็นทางการ การอ่านตามสคริปต์จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้เนื้อหาถูกต้องและตรงกับที่ตกลงไว้ทุกประการ เธอยังได้กล่าวเสริมว่า การพบปะในลักษณะของการสนทนาแบบทวิภาคี (bilateral) จะเน้นการพูดคุยแบบไม่ต้องอ่านเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น

เสียงสนับสนุนและการทบทวนประเด็นวิจารณ์

นอกจากการตอบกลับบนสื่อออนไลน์แล้ว น.ส.แพทองธารยังได้โพสต์สรุปเรื่องนี้บน Instagram โดยระบุว่าทุกครั้งที่เข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติ เธอเตรียมตัวอย่างรอบคอบและศึกษาข้อมูลเสมอ การใช้ iPad เพื่ออ่านสคริปต์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรตีความว่าเป็นการขาดความรู้หรือไม่พร้อม แต่เป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า การอ่านสคริปต์ในการประชุมระดับนานาชาติเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากข้อความที่ถูกอ่านต้องตรงตามที่ตกลงกันไว้ทุกคำ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เหมือนกับการปราศรัยทั่วไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางการทูตและการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ข้อสรุป การให้โอกาสและการลดอคติ

ข่าวการเมืองวันนี้ ในท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการลดอคติและเปิดใจในการรับฟังและเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านี้ พร้อมเชิญชวนให้คนไทยสนับสนุนและให้กำลังใจกันในการนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ลุ้นแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ บิ๊กต่าย มีสิทธิ์ผงาดขึ้นตำแหน่งสูงสุด

บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็น ผบ.ตร. ตามแผนการของ ก.ตร.

ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ซึ่งมีวาระสำคัญในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ เพื่อดำรงตำแหน่งแทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่จะเกษียณอายุราชการ โดยมีชื่อของ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็น ผบ.ตร. ตามแผนการของ ก.ตร.

บิ๊กต่าย ตัวเต็งและกระบวนการคัดเลือก

การคัดเลือก ผบ.ตร. จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ซึ่งกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอชื่อให้กับ ก.ตร. เพื่อพิจารณา โดยมีตัวเลือกผู้มีอาวุโส 3 คน ได้แก่:

  1. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. (อาวุโสลำดับ 1)
  2. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ (อาวุโสลำดับ 2)
  3. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. (อาวุโสลำดับ 3)

นโยบายและความคาดหวัง

เป้าหมายของการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่คือการสานต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และการปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษ การแต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐจึงถือเป็นการเลือกผู้นำที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติตามแนวนโยบายนี้

ข้อสังเกตจากที่ประชุม

การประชุม ก.ตร. ครั้งนี้ได้รับการจับตาอย่างมาก เนื่องจากปีที่แล้วมีกรณีความขัดแย้งในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. จากการข้ามลำดับอาวุโส ซึ่งส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องที่ ป.ป.ช. ดังนั้น การแต่งตั้งในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจต่อการบริหารงานของตำรวจ

หนุ่ม กรรชัย เคยจีบหมอดูคนดัง จากประเด็นสาวโทรเล่าถูกขโมยดวง

ปอย นักเขียนซีรีส์ชื่อดัง ที่เล่าประสบการณ์หลอนเกี่ยวกับการดูดวงในรายการ THE GHOST RADIO ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย เผยเรื่องเด็ด

ประเด็นร้อนที่กำลังเป็นที่พูดถึง หมอดูขโมยดวง

เรื่องราวของ ปอย นักเขียนซีรีส์ชื่อดัง ที่เล่าประสบการณ์หลอนเกี่ยวกับการดูดวงในรายการ THE GHOST RADIO เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา กลายเป็นที่สนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังเธอเล่าว่าชีวิตของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนไปหลังจากไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังคนหนึ่ง ซึ่งให้เธอนำ “หุ่นพยนต์” มาบูชา จนในที่สุดพระทักว่าเธออาจจะถูก “ขโมยดวง”

เรื่องราวของปอยได้สะท้อนถึงประสบการณ์ที่คล้ายกันของคนอื่น ๆ ที่เคยดูดวงกับหมอดูท่านนี้ ทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนและได้รับการพูดถึงอย่างมากในโซเชียลมีเดีย

การเปิดเผยในรายการโหนกระแส

เรื่องราวดังกล่าวถูกนำไปพูดคุยต่อในรายการ โหนกระแส ที่มี หนุ่ม กรรชัย เป็นพิธีกร โดยหนุ่ม กรรชัย ได้เชิญ ปอย และ แจ็ค เดอะโกสท์ มาออกรายการเพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เธอประสบมาด้วยตัวเอง ในช่วงหนึ่งของรายการ หนุ่ม กรรชัยได้เผยว่า หมอดูที่ปอยพูดถึงเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนของเขาเอง และเขาเคยตามจีบหมอดูคนนี้อีกด้วย

หนุ่ม กรรชัยเล่าความหลัง

หนุ่ม กรรชัย เล่าในรายการว่า “หมอดูคนนี้เคยเรียนที่เดียวกับผมที่โรงเรียนเซนต์จอห์น ผมอยู่แผนกชาย ส่วนเขาอยู่แผนกหญิง และตอนนั้นเขาน่ารักมาก ผมเคยตามจีบเขาด้วย” เรื่องนี้ทำเอาหลายคนตกใจและตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน เนื่องจากหมอดูคนดังที่ถูกพูดถึงนั้นมีชื่อเสียงมากในวงการ และเคยเป็นหมอดูอยู่ที่ฟอร์จูน

การเปิดเผยเรื่องราวในรายการ ทำให้หลายคนหันมาสนใจและติดตามต่อไปว่าเหตุการณ์นี้จะมีความคืบหน้าอย่างไร

ชายพกปืน หลบหนี บุกเข้าบ้านประชาชนในซอย อินทามระ 29

เกิดเหตุชายคนหนึ่งพกอาวุธปืนออโตเมติก บุกเข้าหลบซ่อนตัวในบ้านประชาชนภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1 โดยชายคนนี้เป็นผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน

เหตุการณ์คนร้ายหลบหนีการจับกุม

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม เวลา 22.00 น. เกิดเหตุชายคนหนึ่งพกอาวุธปืนออโตเมติก บุกเข้าหลบซ่อนตัวในบ้านประชาชนภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1 โดยชายคนนี้เป็นผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน ในคดีลักทรัพย์กลางคืน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าควบคุมตัวเขา แต่เขาหลบหนีและเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งภายในบ้านมีเด็กอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน

การปิดล้อมพื้นที่โดยตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ ได้รับรายงานและดำเนินการปิดล้อมพื้นที่โดยรอบ แต่ยังไม่สามารถบุกเข้าไปภายในบ้านได้ทันที เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำอันตรายต่อเด็กที่อยู่ในบ้าน ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวมีรูปร่างสูงประมาณ 180 เซนติเมตร สวมชุดลายพราง และยังถืออาวุธปืนออโตเมติกอยู่ในครอบครอง ซึ่งสถานการณ์ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและระงับเหตุอย่างระมัดระวัง

ความคืบหน้าของการดำเนินการ

ตำรวจได้วางแผนและประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเด็กและคนในบ้าน การบุกเข้าไปในบ้านจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมั่นใจในความปลอดภัยของทุกฝ่าย ทางเจ้าหน้าที่จะมีการรายงานความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง

อ.แอนนิต้า โปเมส หมอดูสายมูที่มาแรงที่สุดในวงการดาราและเซเลบ

อ.แอนนิต้า โปเมส เป็นหมอดูที่ใช้ศาสตร์การ เปิดไพ่แม่มดพ่อมด ในการทำนายดวงชะตา ซึ่งแตกต่างจากศาสตร์อื่น ๆ และมีเสน่ห์เฉพาะตัว การทำนายของเธอถูกการันตีจากหลายคนที่เคยไปดูดวงกับเธอ

ในวงการสายมูและการทำนายดวงชะตา หากพูดถึงชื่อ อ.แอนนิต้า โปเมส ก็ต้องนับว่าเป็นหนึ่งในหมอดูที่ได้รับความสนใจและมาแรงอย่างมาก โดยเฉพาะในวงการดาราและคนดังหลายคนที่ต่างชื่นชมและการันตีในความแม่นยำของการดูดวงของเธอ

ประวัติและการเป็นที่รู้จักของ อ.แอนนิต้า โปเมส

ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับ อ.แอนนิต้า โปเมส ที่เปิดเผยต่อสาธารณชนยังมีไม่มาก แต่เธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการเมื่อ ดีเจต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ได้ออกมารีวิวและยืนยันความแม่นยำของการดูดวงจาก อ.แอนนิต้า ผ่านรายการ จนเกิดกระแสในโซเชียลและแฮชแท็ก #หมอดูต้นหอม ทำให้คนเริ่มสนใจและตามหาว่าเธอคือใคร

ไม่เพียงเท่านี้ อ.แอนนิต้ายังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นหลังจาก ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา ผู้จัดละครชื่อดัง ได้แสดงความศรัทธาและเปิดดวงกับเธอ พร้อมเปิดภาพทำพิธีบวงสรวงเสริมดวงที่มี อ.แอนนิต้า เป็นผู้นำพิธี จนกลายเป็นกระแสในวงการบันเทิงและสายมู

ศาสตร์การดูดวงของ อ.แอนนิต้า

อ.แอนนิต้า โปเมส เป็นหมอดูที่ใช้ศาสตร์การ เปิดไพ่แม่มดพ่อมด ในการทำนายดวงชะตา ซึ่งแตกต่างจากศาสตร์อื่น ๆ และมีเสน่ห์เฉพาะตัว การทำนายของเธอถูกการันตีจากหลายคนที่เคยไปดูดวงกับเธอ ว่า มีความแม่นยำสูงมาก ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มดาราและเซเลบชื่อดัง

ทั้งนี้ อ.แอนนิต้า มีชื่อเสียงในการดูดวงแม่นแบบ “100%” จนทำให้มีผู้ติดตามและลูกค้ามากมายในวงการบันเทิง

จากการรีวิวของทั้งดาราและคนดัง ทำให้ อ.แอนนิต้า โปเมส กลายเป็นหมอดูที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำนายดวงชะตาหรือการทำพิธีเสริมดวงต่าง ๆ

หากใครที่สนใจการดูดวงกับ อ.แอนนิต้า โปเมส คงต้องตามหาวาร์ปและคิวการดูดวงที่เต็มเร็วแน่นอน

สรุปประเด็น หมอดูขโมยดวง จากรายการ THE GHOST RADIO

ประสบการณ์หลอนของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ทำให้วงการสายมูฮือฮา เมื่อเธอเปิดเผยเรื่องราวการถูก หมอดูขโมยดวง หลังจากที่ได้เข้าไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังคนหนึ่ง

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 ในรายการ THE GHOST RADIO มีการเล่าถึงประสบการณ์หลอนของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ทำให้วงการสายมูฮือฮา เมื่อเธอเปิดเผยเรื่องราวการถูก หมอดูขโมยดวง หลังจากที่ได้เข้าไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังคนหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งเรื่องการงานและการดำเนินชีวิต

ช่วงพีคของชีวิตก่อนการพบหมอดูขโมยดวง

หญิงสาวเล่าว่า ช่วงเวลาก่อนที่จะไปดูดวงกับหมอดู ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในจุดพีค มีหน้าที่การงานที่ดี ขายงานได้หลายเจ้า และมีความสำเร็จในด้านการเงินและชื่อเสียง ถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นสุด ๆ ในชีวิต เธอได้ฟังคำแนะนำจากเพื่อนว่า การทำพิธีเสริมดวงจะช่วยเพิ่มความสำเร็จให้มากขึ้น เธอจึงได้ติดต่อหมอดูที่เพื่อนแนะนำผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยม

การพบหมอดูและการเปลี่ยนแปลง

เมื่อได้คุยกับหมอดูหญิงคนดังกล่าว เธอรู้สึกถูกชะตาและได้รับความรู้สึกอบอุ่นใจจากคำพูดและท่าทางของหมอดูที่คล้ายกับความรักจากคุณแม่หรือคุณยาย หลังจากนั้นหมอดูได้ทักเรื่องต่าง ๆ อย่างแม่นยำ ทั้งที่ไม่ทราบวัน เดือน ปีเกิดของเธอ จนเธอตัดสินใจไปพบหมอดูที่บ้าน และในครั้งนั้น หมอดูได้เสนอการดูดวงแบบเชิงลึก โดยบอกว่าเธอเป็นคนที่มี “ดวงมหาเศรษฐี” และให้เธอนำ “หุ่นพยนต์” กลับบ้าน

การขโมยดวงและผลกระทบ

หลังจากที่หญิงสาวได้นำหุ่นพยนต์กลับไป ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว เธอเริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ต้องการทานของดิบ ฝันร้ายบ่อยครั้ง และเริ่มเจอปัญหาชีวิตต่าง ๆ งานที่เคยได้รับกลับถูกยกเลิก ชีวิตเริ่มติดขัดทุกอย่าง ในที่สุดเธอก็ได้ทราบความจริงว่าหมอดูคนนี้กำลังขโมยดวงของเธอ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเอง

ความฮือฮาและกระแสในวงการสายมู

หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเล่าผ่านรายการ THE GHOST RADIO มันได้สร้างความตกใจและเป็นที่พูดถึงในวงการสายมูเป็นอย่างมาก หลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการขโมยดวง และผลกระทบที่ตามมาหลังจากการทำพิธีเสริมดวง

เรื่องราวนี้เป็นการสะท้อนถึงความสำคัญของการใช้วิจารณญาณในการเลือกเข้ารับคำปรึกษาหรือทำพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดวงชะตา เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อของผู้อื่น

ยกเลิกทัศนศึกษา ส่องความเห็นชาวเน็ต เห็นด้วยหรือไม่

ไฟไหม้รถบัสนักเรียนที่อุทัยธานี กระตุ้นการถกเถียงเรื่องความปลอดภัยในการทัศนศึกษา หลายคนเสนอควรปรับปรุงมาตรการแทนที่จะยกเลิกทัศนศึกษา

เหตุการณ์ 

ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน ที่จังหวัดอุทัยธานีได้สร้างความสะเทือนใจให้กับหลายคน รวมถึงกระตุ้นให้เกิดข้อถกเถียงในโซเชียลเกี่ยวกับการทัศนศึกษาของเด็กๆ ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับการยกเลิกทัศนศึกษา และอีกฝั่งที่มองว่าควรปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยมากกว่ายกเลิกกิจกรรมนี้ไปเลย

ความคิดเห็นฝั่งที่เห็นด้วยกับการยกเลิกทัศนศึกษา

หลายคนมองว่า ความปลอดภัยของเด็กๆ ควรมาเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะเมื่อการเดินทางทัศนศึกษาอาจสร้างความเสี่ยงเกินควบคุม เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้บางคนรู้สึกว่าประสบการณ์ชีวิตไม่ได้มีแค่จากการทัศนศึกษาเท่านั้น การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นในที่ใกล้ตัว และหลายครอบครัวอาจมีส่วนร่วมในการพาเด็กๆ ไปศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วยตนเองมากขึ้น บางความคิดเห็นแสดงความกังวลว่าเด็กเล็กอาจขาดทักษะในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีการดูแลไม่เพียงพอ

ฝั่งที่ต้องการให้แก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มมาตรการความปลอดภัย

ในอีกมุมหนึ่ง หลายคนมองว่าการทัศนศึกษา เป็นโอกาสสำคัญสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กจากครอบครัวที่ไม่มีโอกาสไปเที่ยวหรือออกไปเรียนรู้นอกสถานที่บ่อยครั้ง การทัศนศึกษาอาจเป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกกว้างให้กับเด็กๆ จึงเห็นว่าการ ยกเลิกทัศนศึกษาเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สิ่งที่ควรทำคือยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งในเรื่องสภาพรถบัสและการเตรียมความพร้อมของครูและพนักงานขับรถ เพื่อให้การทัศนศึกษามีความปลอดภัยและให้ประโยชน์สูงสุดแก่เด็กๆ

เมื่อพิจารณาทั้งสองมุม เราควรมองหาวิธีที่ช่วยให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่า พร้อมกับมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงมาปิดกั้นโอกาสในการเรียนรู้ของพวกเขา

อ่านเพิ่มเติม ยกเลิกทัศนศึกษา

นักศึกษาเวียดนาม แชร์ประสบการณ์ เช่าห้องในฮ่องกง 4 ตร.ม.

ข่าวต่างประเทศ หลังจากคลิปวิดีโอของเขาถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย หลายคนชื่นชมว่าห้องเล็กๆ นี้ดูสะดวกสบายและโปร่งสบายมากขึ้นเพราะมีแสงแดดส่องถึง

ฮ่องกง เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องอสังหาริมทรัพย์ที่แพงที่สุดในโลก โดยเฉพาะห้องเช่าขนาดเล็กที่มักถูกเรียกว่า “บ้านโลงศพ” หรือ “บ้านกรง” เนื่องจากมีขนาดเพียง 3-4 ตารางเมตร แต่มีค่าเช่าที่สูงมาก ล่าสุด นักศึกษาทุนจากเวียดนามได้ออกมารีวิวชีวิตของเขาในฮ่องกง ซึ่งต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็กด้วยราคาที่สูงลิ่ว

ค่าเช่าที่สูงในห้องขนาดเล็กเพียง 4 ตร.ม.

ข่าวต่างประเทศ “A SÍNG ĐI ĐẠI HÀN” ยูทูบเบอร์ชาวเวียดนาม ได้เล่าเรื่องราวของการเช่าอพาร์ทเมนท์ขนาด 4 ตารางเมตรในฮ่องกง ซึ่งเขาต้องจ่ายค่าเช่าถึง 25 ล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 32,800 บาทต่อเดือน แม้ว่าห้องจะเล็กมากและต้องแชร์พื้นที่กับคนอื่นอีก 3 คน แต่นักศึกษาหนุ่มก็ยังคงพอใจเพราะห้องนี้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดของเขา

ภายในห้องพักมีเพียงเตียง โต๊ะ และตู้ ซึ่งออกแบบมาให้พอดีเพื่อประหยัดพื้นที่ โดยพื้นที่ห้องน้ำและห้องครัวอยู่ด้านนอกและต้องใช้ร่วมกับผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆ นักศึกษายังได้เปิดเผยว่าตนเองไม่เคยมีปัญหาในการอยู่ห้องเล็กๆ แบบนี้ แถมยังสามารถใช้ห้องน้ำวันละสองครั้งได้อย่างไม่มีอุปสรรค

แสงแดดส่องถึง แม้พื้นที่จำกัด

แม้ขนาดห้องจะเล็ก แต่หนึ่งในเหตุผลที่นักศึกษาหนุ่มเลือกพักที่นี่ก็คือแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในห้อง เขาระบุว่าเคยไปดูอพาร์ทเมนต์อื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาทำให้บรรยากาศไม่สดใส เขาจึงตัดสินใจเลือกห้องเล็กๆ นี้แทนเพราะมีหน้าต่างบานใหญ่และได้รับแสงธรรมชาติ

ความคิดเห็นจากชาวเน็ตต่อชีวิตใน “บ้านโลงศพ”

ข่าวต่างประเทศ หลังจากคลิปวิดีโอของเขาถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย หลายคนชื่นชมว่าห้องเล็กๆ นี้ดูสะดวกสบายและโปร่งสบายมากขึ้นเพราะมีแสงแดดส่องถึง อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่าค่าเช่าในฮ่องกงสูงมากเกินกว่าที่คาดคิด โดยมีความคิดเห็นหนึ่งระบุว่า “ในเวียดนาม คุณอาจเช่าบ้านพร้อมสนามหญ้าได้ในราคานี้”

บทสรุป
การใช้ชีวิตในฮ่องกง แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะเรื่องที่พัก แต่การเลือกที่พักที่มีแสงแดดส่องถึงและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อาจช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความพอใจในชีวิตประจำวันได้

นายก ลงพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งแรก ท่ามกลางการชุมนุมประท้วง

ข่าวการเมือง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลด้วยรถตู้ Lexus สีดำ ทะเบียน พพ 267

ข่าวการเมือง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลด้วยรถตู้ Lexus สีดำ ทะเบียน พพ 267 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันใหม่ที่ได้รับจากนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อใช้ในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันเดียวกันนั้น มีกลุ่มผู้ชุมนุมจาก เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้มารวมตัวกันประท้วงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องเปลี่ยนเส้นทางเข้าทำเนียบโดยใช้ทางสะพานอรทัยแทนการเข้าทางประตู 1

ประชุม ครม. ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ โดยมีรัฐมนตรีทุกคนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีรัฐมนตรีคนใดลาประชุม

วาระสำคัญในการประชุม

ข่าวการเมือง สำหรับวาระการประชุม ครม. ครั้งนี้ มีเรื่องเพื่อพิจารณา 18 เรื่อง และมีวาระเพื่อทราบ 2 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีวาระเพื่อทราบหากไม่มีข้อทักท้วง 1 เรื่อง และวาระเพื่อเป็นข้อมูลอีก 1 เรื่อง การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของรัฐบาลแพทองธาร ในการบริหารประเทศ

เปิดตัวกองทุนฟื้นฟูการอ่าน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2567

ข่าวการเมือง จากข้อมูลล่าสุด อุทกภัยในปีนี้ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยกว่า 24,251 ล้านบาท

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ได้จัดตั้ง “กองทุนฟื้นฟูการอ่าน เพื่อผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567” เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงเรียน ห้องสมุด และร้านหนังสือหลายแห่ง โดยสมาคมได้เริ่มต้นสมทบเงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัย

สถานการณ์อุทกภัยและความเสียหายที่เกิดขึ้น

ข่าวการเมือง จากข้อมูลล่าสุด อุทกภัยในปีนี้ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยกว่า 24,251 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 423 โรงเรียน และ 54 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใน 32 จังหวัด อุทกภัยได้สร้างความเสียหายทั้งต่ออาคารเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงห้องน้ำและพื้นที่โดยรอบ

การเชิญชวนร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ได้ออกมาชักชวนสมาชิกและผู้สนใจร่วมบริจาคเงินเพื่อสนับสนุน “กองทุนฟื้นฟูการอ่าน เพื่อผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567” โดยทุกการบริจาคจะถูกนำไปช่วยเหลือโรงเรียน ห้องสมุด และร้านหนังสือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

การติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือ

นอกจากการบริจาคแล้ว สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ยังเปิดช่องทางให้ผู้ประสบภัยสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้ที่ อีเมล info@pubat.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือฟื้นฟูโรงเรียนและร้านหนังสือในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างรวดเร็ว

สรุป
การจัดตั้งกองทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูการอ่านและช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ หวังว่ากองทุนนี้จะช่วยลดความเดือดร้อนและสนับสนุนการฟื้นฟูโรงเรียน ห้องสมุด และร้านหนังสือในพื้นที่ที่ประสบภัย