Category: ข่าว

ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด และคาดว่าจะมีพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ สภาพอากาศดังกล่าว เกิดจากการปกคลุมของความร้อนและลมฝ่ายตะวันตกที่เคลื่อนผ่าน ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างมากและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

นอกจากนี้ ยังมีคำเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งเนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกยังคงเคลื่อนตัวมาปกคลุมพื้นที่ตอนบนของประเทศ ส่งผลให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่

จากการวิเคราะห์ลักษณะของกระแสลม ในช่วงวันที่ 3 ถึง 5 พฤษภาคม จะมีกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

ซึ่งจะทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ประชาชนควรระมัดระวังอันตรายจากพายุ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันผลผลิตทางการเกษตรเพื่อลดความเสี่ยงจากความเสียหาย

พายุฤดูร้อน สภาพอากาศแปรปรวน

เรื่องราวไวรัลที่ได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ในแฮชแท็ก #กุสุมา #สันป่าเหียง เกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวได้เปิดเผยประสบการณ์ที่ถูกแฟนหนุ่มนอกใจ โดยทั้งคู่ได้คบหากันมานานถึง 9 ปี ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่จังหวัดลำพูนเพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน และวางแผนที่จะเปิดร้านกาแฟ เธอกลับต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงของแฟนหนุ่มที่เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ รวมถึงการแอบคุยกับสาวรุ่นน้องที่เป็นครูเช่นกันที่ทำงานด้วยกัน

หญิงสาว ได้เปิดโทรศัพท์มือถือของแฟนหนุ่มและพบการสนทนาที่มีลักษณะอ่อนหวานกับหญิงสาวคนอื่น แม้ว่าเธอจะทำใจให้อภัยเขาครั้งหนึ่งแล้ว แต่แฟนหนุ่มกลับยังคงมีพฤติกรรมเดิม จนกระทั่งวันหนึ่งเธอพบว่าแฟนหนุ่มได้พาสาวรุ่นน้องมาที่บ้านและมีความสัมพันธ์กับเขาบนเตียงที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตร่วมกัน ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศนี้ได้ทำให้เธอตัดสินใจที่จะออกจากบ้านที่เธอเคยมีความทรงจำดีๆ ไปพร้อมกับการถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ

เรื่องราวที่เผยแพร่ออกไปผ่านโซเชียลมีเดียได้สร้างความเห็นอกเห็นใจและสนับสนุนจากผู้คนมากมายที่ติดตาม หญิงสาวได้ใช้โอกาสนี้เพื่อฝากข้อความถึงผู้ที่กำลังจะนอกใจหรือกำลังนอกใจว่า หากความรักนั้นหมดไปแล้ว ควรจะบอกกันดีๆ เพื่อไม่ให้คนที่ถูกทรยศต้องเจอกับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดที่สุด

ทั้งนี้ หน้าเพจของวัดสันป่าเหียง ซึ่งถูกกล่าวถึงในแฮชแท็กได้ออกมาชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติม กุสุมา สันป่าเหียง

ประวัติ แม่กิมไล้

แม่กิมไล้ หรือ นางไล้ ตะบูนพงษ์ เป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่มีความอดทนและมุ่งมั่น จากการเริ่มต้นในวัยเยาว์ด้วยการขายขนมในชุมชนตลอดจนในงานประจำปีของวัดต่างๆ รอบบ้านเกิดที่จังหวัดเพชรบุรี แม่กิมไล้ได้แต่งงานและอาศัยอยู่ในเมืองเพชรบุรี โดยเริ่มหาบขายขนมตั้งแต่เช้าจนค่ำ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว แม้ว่าตอนแรกจะพบกับความลำบาก แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้

ผ่านพ้นความยากลำบากด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง แม่กิมไล้ จึงเริ่มได้รับความนิยมจากชาวตลาดที่ได้ชิมขนมของเธอ ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและความสามารถพิเศษในการทำขนมหวาน ธุรกิจของเธอเริ่มเติบโต จากการใช้รถเข็นไปจนถึงการเช่าพื้นที่สำหรับขายขนมหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสุดท้ายได้รับความเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จากขนมหม้อแกงที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในงานกาชาดจังหวัดเพชรบุรี

แม่กิมไล้ เสียชีวิตแล้ว

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 แม่กิมไล้ได้เสียชีวิตด้วยวัย 90 ปี ที่ร้านของเธอในสาขาท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี สิ้นสุดชีวิตของผู้หญิงแกร่งที่สร้างตำนานหม้อแกงเมืองเพชร ตำนานที่เล่าขานถึงความขยันและความมุ่งมั่น ที่จะอยู่ในความทรงจำของชาวเพชรบุรีอย่างยาวนาน.

เหตุการณ์ระทึกเกิดขึ้นในยามเช้าของวันที่ 4 เมษายน 2567 เมื่อเรือนอนโดยสารและบรรทุกสินค้าชื่อเรือ เกาะเจริญ 2 ซึ่งเดินทางออกมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อมุ่งหน้าไปยังตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นภายในห้องเครื่องยนต์ เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากเกาะเต่าประมาณ 2-3 ไมล์ทะเล ในเหตุการณ์นี้มีผู้โดยสารและลูกเรือรวมทั้งหมด 108 ชีวิต ประกอบด้วยคนไทย ชาวต่างชาติ และแรงงานชาวเมียนมา ได้ถูกบังคับให้ต้องกระโดดลงจากเรือเพื่อหนีตายลอยคอกลางทะเล ขณะที่เรือกำลังเข้าใกล้ท่าเทียบเกาะเต่า

การรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการเรือที่เกาะเต่า ได้เร่งนำเรือออกไปช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือกลับเข้าฝั่งได้แล้วทั้งหมด และได้รับการรักษาจากการสำลักควันไฟเบื้องต้น ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลได้ถูกตั้งขึ้นโดยเทศบาลตำบลเกาะสมุย รวมถึงการมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ โรงพยาบาลเกาะเต่า อาสาสมัครกู้ภัย และผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วม เพื่อให้การช่วยเหลือดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ในขณะที่เหตุการณ์ยังคงถูกติดตามอย่างใกล้ชิด ยังมีไฟและกลุ่มควันที่ยังคงติดอยู่กับตัวเรือ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการลากเรือเข้ามายังท่าเทียบเรือเกาะเต่าเพื่อดำเนินการดับไฟ ทั้งนี้เพื่อเป็นการหาสาเหตุและป้องกันเหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต การเกิดเพลิงไหม้บนเรือนอนโดยสารครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกและอันตรายให้กับผู้โดยสารและลูกเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินทางทะเลในอนาคต

สมรสเท่าเทียม คืออะไร

สมรสเท่าเทียม คือ การรับรองสิทธิให้แก่คู่รักทุกเพศที่ต้องการจดทะเบียนสมรสในทางกฎหมาย โดยไม่จำกัดเฉพาะเพศชายและเพศหญิงเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงความหลากหลายทางเพศทั้งหมด รวมถึงเพศวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศต่างๆ เป้าหมายหลัก คือให้บุคคลเหล่านี้ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการจดทะเบียนสมรส, การจัดการทรัพย์สินร่วมกัน, การรับบุตรบุญธรรม, การรับมรดก, และการได้รับสิทธิประโยชน์ทางสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส สิทธิเหล่านี้จะช่วยให้คู่รักทุกคู่ได้รับการรับรองและคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน

ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมและการผ่านการพิจารณา

ล่าสุด สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในวาระที่ 2-3 ด้วยมติเอกฉันท์ ซึ่งกำหนดให้การสมรสครอบคลุมบุคคลทุกเพศและยกเลิกข้อจำกัดเรื่องเพศของคู่สมรส นอกจากนี้ยังได้ปรับอายุขั้นต่ำสำหรับการสมรสเป็น 18 ปีจากเดิมที่เป็น 17 ปี และระบุถึงสิทธิและหน้าที่ของบุพการีลำดับแรกให้เท่าเทียมกับบิดามารดา การผ่านร่างกฎหมายนี้ถือเป็นการก้าวสำคัญที่จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับรองสมรสเท่าเทียม

ขั้นตอนต่อไปหลังการผ่านสภาผู้แทนราษฎร

หลังจากที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านการพิจารณา จากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา

ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญและตัดสินใจว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถก้าวไปสู่การเป็นกฎหมายที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการหรือไม่ หากวุฒิสภาเห็นชอบ ร่างกฎหมายจะถูกนำเสนอต่อพระมหากษัตริย์เพื่อรับพระราชทานให้เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ การผ่านขั้นตอนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการยืนยันความเท่าเทียมทางกฎหมายในประเทศไทย แต่ยังเป็นการส่งเสริมความก้าวหน้าและรับรองสิทธิมนุษยชนในระดับสากลด้วย

เห็ดขี้ควาย ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ก่อให้เกิดความสนใจและการวิจัยมากมายในวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมีสารไซโลไซบิน (Psilocybin) และไซโลซีน (Psilocin) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ทำให้เกิดอาการหลอนประสาทและมึนเมาคล้ายกับการเสพ LSD

ลักษณะของเห็ดขี้ควาย

ลักษณะของเห็ดขี้ควายที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทยนั้น มักจะขึ้นเป็นดอกเดี่ยว 4-5 ดอก บนพื้นดินที่มีมูลสัตว์ มีหมวกเห็ดสีเหลืองซีดคล้ายสีฟางแห้ง โดยบนหัวของร่มมีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ และก้านจะมีแผ่นเนื้อเยื่อบางๆ สีขาวแผ่ขยายออกรอบก้าน ทำให้มีลักษณะที่เฉพาะตัวและสามารถระบุตัวได้ไม่ยาก

เห็ดขี้ควายผิดกฎหมายไหม

ในด้านของกฎหมายและความเสี่ยง ทั้งการครอบครอง ซื้อขาย หรือแจกจ่ายเห็ดขี้ควายถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เนื่องจากเห็ดชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ที่มีโทษระดับค่อนข้างสูง ตั้งแต่จำคุก 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 1,000,000 บาท

เห็ดขี้ควาย ประโยชน์ โทษ

ความอันตรายของการเสพเห็ดขี้ควายนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณที่เสพและสภาพร่างกายของบุคคลนั้นๆ โดยอาการหลอนประสาทและมึนเมาที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่การไม่สามารถควบคุมสติได้ เกิดประสาทหลอนอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน และในกรณีที่รุนแรงอาจเสียชีวิตได้

การใช้ เห็ดขี้ควาย ในทางที่ผิดอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงและไม่คาดคิด ดังนั้น การศึกษาและรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเห็ดขี้ควายจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและปกป้องตนเองจากการกระทำที่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ทางกฎหมายและสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์

เห็ดขี้ควายกินยังไง

การใช้งานเห็ดชนิดนี้ในทางวิทยาศาสตร์หรือการวิจัยอาจเปิดโอกาสให้เกิดความเข้าใจและการค้นพบใหม่ๆ ในแง่ของการบำบัดรักษาโรคบางประเภท แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมและการตรวจสอบที่เข้มงวดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น